xs
xsm
sm
md
lg

เป็นครั้งแรกที่คลังสมองของรัฐบาลจีนชี้จีดีพีปีหน้าจะต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ สงครามการค้าเป็นพื้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่ท่าเรือเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง (แฟ้มภาพ รอยเตอร์ส)
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--สำนักคลังสมองของรัฐบาลในปักกิ่งออกโรงเผยเป็นรายแรกว่าอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า

สถาบันแห่งชาติว่าด้วยการเงินและการพัฒนา(NIFD) เผยในวันพุธ(13 พ.ย.) อัตราขยายตัวเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 5.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 โดยเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ 6.1 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้

นับเป็นการคาดการณ์ระดับต่ำสุดในการตั้งเป้าอัตราเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ (2019)ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้ระหว่าง 6-6.5 เปอร์เซ็นต์ แสดงถึงแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่ยิ่งแรงขึ้นจากทั้งสงครามการค้าและแรงปะทะภายในประเทศ
“แนวโน้มเศรษฐกิจตอนนี้กำลังบ่ายหน้าลงแล้ว” นาย หลี่หยัง อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน และเป็นผู้บริหารใหญ่ของสถาบันการวิจัยในสังกัดของสถาบันสังคมศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese Academy of Social Sciences, CASS) กล่าว และว่าจีนจะต้องพึ่งการปฏิรูปด้านซับพลายอย่างลงลึกเพื่อคลี่คลายปัญหาหรือประคับประคองภาวะชะลอตัวให้เป็นไปอย่างราบรื่น มากกว่าการใช้มาตรการกระตุ้นด้านการเงินและการคลังเพียงอย่างเดียว

การคาดการณ์ของสำนึกคลังสมองนี้สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ตลอดจนกระแสที่ชี้ว่ากลุ่มผู้กำหนดนโยบายจะต้องพยายามดันอัตราเติบโตให้สูงขึ้นเหนือระดับ 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในปี 2019 และ 2020

NIFD ระบุว่าการส่งออกจีนจะได้รับผลกระทบเชิงลบเป็นเวลายาวนานจากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก และการลงทุนภาคเอกชนอาจจะย่ำแย่ลงอีกเพราะสถานการณ์ไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ขณะที่นโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจจะเริ่มออกฤทธิ์ในไตรมาสแรกของปีหน้า

หลี่กล่าวอีกว่าปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจะปรากฏชัดขึ้นในอนาคต และรัฐบาลกลางอาจต้องออกพันธบัตรเพิ่มขึ้นเพื่อหนุนรายจ่าย

ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีนเริ่มมาตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งในไตรมาสสามของปี 2019 อัตราเติบโตฯได้ตกลงมาที่ 6.0 เปอร์เซ็นต์ แนวโน้มชะลอตัวดังกล่าวได้จุดกระแสถกเถียงในตลาดว่ารัฐจะผ่อนปรนนโยบายเพื่อหนุนเศรษฐกิจดังเช่นประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หนี้สินของรัฐที่กำลังบานปลายอาจทำให้ผู้กำหนดนโยบายทำอะไรไม่ถนัด ขณะนี้หนี้สินทั้งหมดในประเทศสูงขึ้น 251.1 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศในปลายไตรมาสที่สาม สูงขึ้น 1.6 จุดจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีหนี้สินภาคครัวเรือนนำโด่ง

แม้หนี้สินท่วมท้นเช่นนี้ NIFD เสนอให้รัฐบาลกลางยอมขาดดุลงบประมาณเพื่อปล่อยเม็ดเงินอัดฉีดการใช้จ่ายมากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็เพิ่มมาตรการลดหนี้สินของกลุ่มวิสาหกิจรัฐโดยเฉพาะกลุ่มบริษัทซอมบี้ และหน่วยระดมทุนของรัฐบาลท้องถิ่น

NIFD ยังได้เตือนถึงความไม่แน่นอนที่น่ากลัวมากๆจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ พร้อมกับทำนายว่าในปีหน้าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนจะผันผวนระหว่าง 7.0 และ 7.2 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

“สงครามขึ้นอัตราภาษีศุลกากรจะเป็นพื้นฐานในปี 2020 แต่ความขัดแย้งระหว่างสองชาติก็จะไม่ยุติลงง่ายๆ” จาง ผิง รองผู้อำนวยการ NIFD ชี้


กำลังโหลดความคิดเห็น