เอเจนซีส์ - “ทรัมป์”แย้มใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับปักกิ่งแล้ว แต่ยังอาจขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงมากถ้าหารือเงื่อนไขต่างๆ ไม่ลงตัว พร้อมกันนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯยังคุยอวดอ้างผลงานการฟื้นเศรษฐกิจ แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้กลับถูกอุตสาหกรรมภายในประเทศโจมตีว่า สงครามการค้าที่ตัวเขากำลังก่อขึ้นพร้อมกันหลายๆ ด้าน กำลังทำลายการจ้างงาน ทำร้ายธุรกิจ และเพิ่มภาระให้ผู้บริโภคอเมริกันหลายพันล้านดอลลาร์
ระหว่างปราศรัยในงานประชุมที่จัดโดย อิโคโนมิก คลับ ออฟ นิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าขั้นต้นกับจีนที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว กำลังจะเกิดขึ้นมาในเร็วๆ นี้ แต่อเมริกาจะยอมรับเฉพาะข้อตกลงที่ยอมรับได้สำหรับธุรกิจและคนอเมริกันเท่านั้น และอาจขึ้นภาษีสินค้าจีน “สูงมาก” ถ้าจีนไม่ยอมตกลงด้วย
ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกโกงเก่งเท่าจีนอีกแล้ว นอกจากนั้นเขายังอวดอ้างว่า เศรษฐกิจอเมริกาในปัจจุบันขยายตัวได้ดีแบบไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้มีตัวเลขข้อเท็จจริงอยู่ว่า ไตรมาส (ก.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมา อัตราเติบโตของสหรัฐฯทำได้เทียบเท่ากับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว นั่นคืออยู่ที่เพียง 1.9% ห่างไกลจากที่ทรัมป์คุยไว้ว่า มาตรการลดภาษีของตนจะทำให้เศรษฐกิจโต 4-6% ขณะที่อัตราว่างงานซึ่งอยู่ที่ 3.6% แม้ถือว่าใกล้สถิติต่ำสุดในรอบ 5 ทศวรรษ แต่พวกนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นแนวโน้มที่สืบทอดมาจากยุคอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องกว่าทศวรรษ เท่ากับว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
นอกจากนั้นในวันอังคาร (12) การท่าเรือลอสแองเจลีสยังเปิดเผยรายงานฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของทำเนียบขาวที่ว่า เศรษฐกิจอเมริการอดพ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าที่ทรัมป์เที่ยวก่อขึ้นพร้อมกันหลายๆ แนวรบ ได้อย่างง่ายดาย
รายงานดังกล่าวเตือนว่า สงครามการค้ากำลังคุกคามการจ้างงานเกือบ 1.5 ล้านตำแหน่งในอเมริกาที่อิงกับการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือหลายแห่งทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งพึ่งพิงการค้ากับจีนเป็นอย่างมาก
จีน เซโรกา ผู้อำนวยการบริหารการท่าเรือลอสแองเจลีสแถลงว่า บางพื้นที่และบางอุตสาหกรรมรับรู้ถึงผลกระทบแล้วจากการที่การจ้างงาน รายได้ และรายได้จากภาษีลดลงอย่างต่อเนื่อง
ต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและการสูญเสียตลาดยังสร้างความเสี่ยงต่อการค้าที่ขนส่งผ่านท่าเรือต่างๆ ที่มีมูลค่าถึงปีละ 186,000 ล้านดอลลาร์ และจะสร้างภาระนับพันนับหมื่นล้านดอลลาร์แก่ผู้บริโภคในรูปการขึ้นราคาสินค้า
รายงานเสริมว่า เดือนที่ผ่านมาปริมาณสินค้าที่ส่งไปตามท่าเรือต่างๆ ลดลงกว่า 19% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2018
ปีนี้ธุรกิจต่างๆ ในอเมริกาออกมาร้องเรียนมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่นเดียวกับภาคเกษตรกรรมและการผลิตที่เผชิญความยากลำบากไม่แพ้กัน
ทรัมป์เปิดสงครามการค้ากับจีนเมื่อปีที่แล้วโดยกล่าวหาว่า ปักกิ่งพยายามครอบงำอุตสาหกรรมทั่วโลกผ่านการอุดหนุน การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และวิธีการอื่นๆ
เดือนที่ผ่านมาบริษัทต่างๆ เบาใจขึ้นเมื่อทรัมป์ประกาศว่า กำลังผลักดันข้อตกลงการค้า “ขั้นที่ 1” กับจีน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก รวมทั้งไม่เอ่ยถึงกำหนดเวลาในการลงนาม แถมวอชิงตันยังส่งสัญญาณขัดแย้งกันเองจนนักลงทุนสับสน ล่าสุดคือการที่ทรัมป์บอกว่า ใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว แต่ถ้าไม่มีข้อตกลง อเมริกาจะขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มสูงมาก
ทว่า นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า สงครามการค้าเริ่มกัดกินเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวอยู่แล้ว รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อเมริกา บ่อนทำลายการส่งออกและความเชื่อมั่นในวงการธุรกิจ ฉุดยอดการผลิต และทำให้บริษัทต่างๆ ระงับแผนการจ้างงาน
เดือนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า สงครามการค้าจะทำให้อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีหน้าลดลง 0.8% และทำให้การลงทุนทางธุรกิจในอเมริกาลดลง
แม้ทรัมป์ดูเหมือนยอมรับว่า อุตสาหกรรมบางอย่างอาจได้รับผลกระทบจาก “ความไม่แน่นอนเล็กๆ น้อยๆ ของสงครามการค้า” แต่ยืนยันว่า ต้นทุนที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหากอเมริกาไม่ทำอะไรเลย