ซินหัว หนานหนิง 2 พ.ย.-- “สบาย สบาย” คือร้านอาหารไทยเก่าแก่ในนครหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางจีนตอนใต้ ที่ขยับขยายจากห้องแถวหนึ่งคูหาเล็กๆ สู่อาคารสองชั้นที่ถูกประดับตกแต่งภายใต้แนวคิด “ความเป็นไทย”
“เดิมทีเราเป็นแค่ร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนหัวเฉียว ก่อนจะขยับขยายเป็นร้านใหญ่ที่มีหลายสาขา แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความตั้งใจในการทำอาหาร” จ้าวฮวน อาจารย์สอนภาษาไทยที่เคยไปเรียนในไทยนาน 10 ปี บอกเล่าขณะแนะนำร้านสาขาแห่งที่ 5
กว่างซีนั้นเชื่อมโยงกับอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล โดยเมืองเอกหนานหนิง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมจีน-อาเซียน เอกซ์โป (China-ASEAN Expo) ทุกปี กำลังโอบรับ “อาเซียนสไตล์” อย่างคึกคัก โดยเฉพาะ “ความเป็นไทย” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่แพ้ชาติอื่น
นอกจากนั้นกว่างซียังเป็นจุดหมายยอดนิยมของเด็กรุ่นใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างจีน-อาเซียน ขณะเดียวกันนักเรียนจีนในกว่างซีก็สนใจไปแลกเปลี่ยนในไทยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จ้าวฮวนตัดสินใจเปิดร้านสบาย สบาย แห่งแรกในปี 2006 ก่อนจะผ่านร้อนผ่านหนาวและเติบโตเป็นร้านใหญ่ชื่อดังที่มี 5 สาขา โดยสาขาแรกสุดตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนหัวเฉียว และกลายเป็น “โรงอาหารฝีมือแม่” ของนักเรียนไทยในกว่างซี
“ตอนนั้นเพื่อนคนไทยหลายคนส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ แต่เด็กๆ ไม่ชอบอาหารของโรงเรียน บางคนแทบไม่เคยเข้าโรงอาหารของโรงเรียนเลยตลอด 3 ปี พวกเขาเลี่ยงไปกินก๋วยเตี๋ยวหอยขมที่มีรสชาติจัดจ้านเหมือนอาหารไทยแทน” จ้าวฮวนกล่าว
จ้าวฮวนเลือกเปิดร้านสบาย สบาย ใกล้กับโรงเรียนหัวเฉียวที่มีนักเรียนไทยอยู่ไม่น้อย หลังจากเจรจากับทางโรงเรียนฯ อยู่หลายรอบ โดยแรกเริ่มบรรดาพ่อแม่ของเด็กไทยบางคนมาขอใช้ครัวทำอาหารไทยให้ลูกหลานรับประทาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นความนิยม
“การทำอาหารไทยต้องใช้วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงหลากหลาย แต่ของพวกนั้นหายากมากตอนเปิดร้านใหม่ๆ เพราะไม่มีซัพพลายเออร์” จ้าวฮวนกล่าว พร้อมเสริมว่าวัตถุดิบบางอย่างซื้อจากร้านค้าท้องถิ่น ส่วนวัตถุดิบหลักอย่างผงกะหรี่ น้ำจิ้มไก่ ต้องพึ่งพาเพื่อนหรือญาติเอามาจากไทย
อย่างไรก็ดี อานิสงส์จากความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมจีน-อาเซียนหลายปีมานี้ ทำให้บรรดาซัพพลายเออร์วัตถุดิบจำนวนมากจากไทยเข้ามาบุกเบิกตลาดจีน เอื้อประโยชน์ต่อการทำร้านอาหารไทยของจ้าวฮวนอย่างมาก
“ตอนนี้เราสามารถสรรหาวัตถุดิบต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เพราะมีตัวแทนนำเข้าสินค้าเหล่านั้นจากไทย ขณะเดียวกันเที่ยวบินตรงระหว่างจีน-ไทย ก็ช่วยให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น วัตถุดิบที่ได้มามีความสดใหม่”
สุ่ยเกอ วัย 48 ปี และภรรยา ซึ่งเคยเป็นเชฟร้านอาหารในไทยเมื่อ 4 ปีก่อน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นเชฟหลักของร้านสบาย สบาย ตามคำชักชวนของเพื่อน สร้างสรรค์อาหารคาวหวานหลากหลายเมนูอย่างแกงกะหรี่ ปลานึ่งมะนาว ต้มยำ หรือข้าวเหนียวมะม่วง ที่ได้คำชมมากมาย
พ่อครัวใหญ่ของร้านสบาย สบาย เผยว่ารสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดที่โดดเด่นของอาหารไทยมาจากวัตถุดิบธรรมชาติอย่างมะนาว มะขาม พริกขี้หนู พริกไทย น้ำตาลมะพร้าว โดยเขาเลือกคงรสชาติดั้งเดิม ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตามการลิ้มรสของชาวจีน
ด้านวศิน ชาวไทยที่มาทำงานอยู่ในกว่างซีระยะหนึ่งแล้ว เล่าว่าเขากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านสบาย สบาย โดยมักพาภรรยาและลูกสาวมารับประทานอาหารช่วงสุดสัปดาห์ ตัวเขาชอบลาบหมู ภรรยาชอบต้มข่าไก่ ส่วนลูกสาวชอบส้มตำ
ทั้งนี้ ร้านอาหารไทยในนครหนานหนิงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ แทรกซึม “วัฒนธรรมไทย” สู่ท้องถิ่น เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการลองลิ้มชิมรสอาหารไทยของคนท้องถิ่น รวมถึงชาวไทยที่โยกย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย
นับตั้งแต่มีการจัดงานมหกรรมจีน-อาเซียน เอกซ์โป ครั้งที่ 1 ในปี 2004 มูลค่าการค้าระดับวิภาคีระหว่างจีน-อาเซียน เพิ่มขึ้นจาก 5.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.71 ล้านล้านบาท) เป็น 5.87 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 18.22 ล้านล้านบาท) ในปี 2018 ขณะที่การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันเพิ่มขึ้นจาก 3.87 ล้านครั้งเมื่อ 16 ปีก่อน เป็น 57 ล้านครั้งในปี 2018 ส่วนการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาก็พุ่งเกิน 2 แสนคน
“สบาย สบาย ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหาร แต่ยังเป็น “มุมไทย” และ “มุมอาเซียน” ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งการสื่อสารพูดคุย ที่นักเรียนชาวจีนและชาวไทยสามารถฝึกฝนภาษาร่วมกัน และผู้คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยอีกด้วย” จ้าวฮวนกล่าว