xs
xsm
sm
md
lg

บอลลีวู้ด ไปโลด อาลีบาบา คว้าหุ้นใหญ่กิจการซื้อตั๋วออนไลน์อินเดีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปรากฏการณ์ความนิยมในภาพยนตร์อินเดีย Dangal ที่ทำลายสถิติบ๊อกซ์ออฟฟิศ เป็นหนังทำรายได้สูงสุดในจีน ที่อยู่นอกสายฮอลลีวูด ย้ำให้เห็นศักยภาพทางการลงทุนทางธุรกิจบันเทิงของสองชาติ อินเดีย-จีน (ภาพเอเจนซี)
เอเจนซี / MGR Online - เว็บไซต์ techinasia.com รายงาน (5 มิ.ย.) ว่า อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ค้าออนไลน์จีน ก้าวไปอีกขั้นในอินเดีย ด้วยการซื้อหุ้นใหญ่ของกิจการซื้อตั๋วออนไลน์ TicketNew ในเชนไน อินเดีย ช่วยให้สามารถจองตั๋วโรงภาพยนตร์ได้ ในกว่า 300 เมืองทั่วอินเดีย

รายงานข่าวกล่าวว่า TicketNew คือการซื้อกิจการตั๋วออนไลน์นอกประเทศจีน ที่สำคัญครั้งแรกของอาลีบาบา หลังจากเมื่อปีที่แล้ว อาลีบาบา สร้างกำลังขับเคลื่อนมหาศาลในธุรกิจบันเทิง เมื่อเข้าควบรวมกิจการโย่วคู ถูโต่ว วิดีโอสตรีมมิ่งจีน มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีก่อนหน้านี้ อาลีบาบา พิกเจอร์ส ยังได้ซื้อกิจการซื้อตั๋วภาพยนตร์ออนไลน์ Yueke ส่วน TicketNew นี้เป็นการซื้อกิจการตั๋วออนไลน์ครั้งสำคัญ รายแรกนอกประเทศจีน

อุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดีย มีปริมาณการฉายมากที่สุดในโลก ภาพยนตร์เหล่านี้ มีหลากหลายภาษา เป็นงานบันเทิงสำหรับคนหลายร้อยล้าน โดยภาพยนตร์ฮิตล่าสุด สองเรื่อง คือ Dangal และ Baahubali ทำรายได้แต่ละเรื่องถึงระดับมากกว่า 125 ล้านเหรียญ เช่นเดียวกับที่ Dangal ได้รับความนิยมมากมายมหาศาลในจีน และ Baahubali ก็กำลังจะเข้าโรงฉายที่ประเทศจีน ในสัปดาห์หน้า

สำหรับปรากฏการณ์ แดนกัล (Dangal) ที่ทำลายสถิติบ๊อกซ์ออฟฟิศแดนมังกร เป็นหนังทำรายได้สูงสุดในจีน (70 ล้านเหรียญสหรัฐ) ที่อยู่นอกสายฮอลลีวูด ความนิยมถล่มทลายนี้นักวิเคราะห์คาดว่าเกิดขึ้นจาก ความสอดคล้องทางวัฒนธรรมร่วมบางอย่าง อาทิ แรงกดดัน กีดกัน อคติทางเพศที่มีต่อสตรี ซึ่งบทบาทการแสดงของตัวเอกอย่าง อาเมียร์ ข่าน ทำให้มีแฟนคลับชาวจีนมากมาย อาทิ เวยปั๋ว มีผู้ติดตามมากถึง 6.4 แสนคน พร้อมกับเดินทางไปโปรโมทหนังเรื่องนี้ที่จีน ในงาน Beijing International Film Festival เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในจีน รวมถึงนักลงทุน เชื่อว่าศักยภาพของบอลลีวูด อินเดียนี้ มีมูลค่ามหาศาลทั้งในอินเดียและจีน ขณะที่การรุกเข้าสู่กิจการซื้อตั๋วภาพยนตร์ในอินเดียนั้น เป็นจังหวะตามหลังจากเข้าลงทุนในกิจการอีคอมเมิร์ซ และระบบจ่ายเงินของอินเดีย Paytm ครองหุ้น 62% เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กลายเป็นบริษัทแรกของอินเดียที่รับเงินลงทุนจากอาลีบาบา อันมีมากถึง 625 ล้านเหรียญ และมีสถานะเหมือนเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบาเช่นกัน ขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ซในอินเดีย ยังคงเป็นสมรภูมิใหญ่ มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน เกิดศึกชิงอันดัหนึ่ง ดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น Flipkart, Snapdeal, Amazon India และอาลีบาบา ที่เข้ามาโดยผ่านการลงทุนใน Paytm

ในส่วนของ Flipkart นั้น มีการสนับสนุนจาก Tencent ของจีน ขณะที่ Snapdeal ก็เริ่มมีหุ้นของอาลีบาบาเช่นกัน แม้ยังเล็กน้อยเพียง 5%

เป็นที่ทราบว่า กิจการอเมซอน ให้ความสำคัญกับความนิยมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ท้องถิ่นของอินเดีย โดยระบุอยู่ในแผนการแข่งขันฯ ด้วยการเปิดตัว Amazon Prime ในราคาไม่ถึง 8% ต่อปี อันรวมถึงการสตรีมมิ่งภาพยนตร์และรายการทีวีโชว์ ผูกสัมพันธ์กับผู้ผลิตในท้องถิ่นจำนวนมาก เพิ่มคอลเล็กชั่นของภาพยนตร์อินเดียในหลากหลายภาษาบน Amazon Prime

อาลีบาบา ก็มาในทางเดียวกัน การคว้าบริการจัดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ผ่าน TicketNew อาจจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนของอีคอมเมิร์ซ Paytm Mall

Tech In Asia รายงานความแตกต่างของจีนกับสหรัฐฯ ในส่วนที่ว่า จีนอาจจะเข้าใจรูปแบบธุรกิจในเอเชียดีกว่าสหรัฐอเมริกา และมีวัฒนธรรม คติธรรมร่วมบางอย่างอันสำคัญ แต่แม้ว่าสองชาติเพื่อนบ้านนี้ จะมีลักษณะภูมิศาสตร์คล้ายคลึงกัน แต่ขนาดเศรษฐกิจเหมือนเครื่องคนละรุ่น จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าอินเดีย 5 เท่า และจีดีพีต่อประชากรสูงกว่า 4 เท่าตัว ดังนั้นบริษัทเปิดใหม่ของอินเดีย ก็ยังดูจะเป็นสัดส่วนเล็กๆ เมื่อเทียบกับมูลค่าโครงสร้างและศักยภาพการตลาดของจีนซึ่งเป็นหุ้นส่วนเข้ามาเสริม


กำลังโหลดความคิดเห็น