เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สื่อฮ่องกงสืบพบความเสี่ยง “แอพพลิเคชั่นจีน” แอบล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปเก็บบนแผ่นดินใหญ่ ด้านผู้ผลิตแอพฯ แจงทำตามระเบียบทางกฎหมาย
สำนักข่าวแฟคไวร์ (FactWire) รายงานว่า แอพพลิเคชั่นสนทนาวีแชท (WeChat) ของเท็นเซ็นต์, เถาเป่า (Taobao), เถาเป่า เวิล์ด (Taobao World), ทีมอลล์ (Tmall) และอาลีเปย์ (Alipay) ซึ่งดำเนินงานโดยแอนท์ ไฟแนนเชียล (Ant Financial) ในเครืออาลีบาบา สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนและเก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบได้
อ้างอิงโปรแกรมวิเคราะห์ซึ่งตรวจสอบการเข้าถึงฐานข้อมูลสำคัญ (sensitive data) ของแอพพลิเคชั่นและติดตามการไหลเวียนของข้อมูล แฟคไวร์กล่าวว่า แอพพลิเคชั่นทั้งห้ารายการสามารถเรียกรับข้อมูลสำคัญได้ทันทีที่มีการติดตั้งแอพฯ ทำให้สามารถติดตามและระบุตัวผู้ใช้งานผ่านรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์และหมายเลขซิมการ์ด
นอกจากนั้นการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้ผู้ดูแลแอพฯ เฝ้าสังเกตพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน อาทิ การดาว์นโหลดซอฟต์แวร์หรือการใช้บริการทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกและสามารถส่งต่อไปยังคลังเก็บข้อมูลในจีนแผ่นดินใหญ่
แฟคไวร์เสริมว่า แต่จากการทดสอบกับแอพพลิเคชั่นต่างชาติ อาทิ แอนดรอย์ เพลย์ (Android Play), กูเกิล วอลเลท (Google Wallet) และอ็อคโตพุส (Octopus) กลับไม่พบผลลัพธ์เหมือนแอพพลิเคชั่นจีน
อย่างไรก็ดี โฆษกของเท็นเซ็นต์ (Tencent) แจกแจงว่า “บริษัทจัดการข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างรัดกุม และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานรายวัน”
ด้านอาลีบาบาระบุว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายในการรวบรวม จัดเก็บ และจัดการข้อมูล ซึ่งการเก็บหมายเลขโทรศัพท์และข้อมูลซิมการ์ดเป็นสิ่งจำเป็นต่อการยืนยันตัวตนและการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ อ้างอิงสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล (พีซีพีดี) ของฮ่องกง ไม่พบบทกฎหมายหรือข้อบังคับที่ห้ามส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลออกนอกเกาะฮ่องกง ขณะเดียวกันพีซีพีดีปฏิเสธจะแสดงความเห็นว่าการดำเนินงานของแอพฯ จีนละเมิดกฎหมายข้อใดหรือไม่
ชาร์ลส ม็อก นักกฎหมายด้านไอที กล่าวว่า มาตรา 33 ของบทบัญญัติว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งห้ามการส่งออกข้อมูลส่วนบุคคลไปนอกเกาะฮ่องกง ไม่เคยได้รับการตีตราสถานะเป็นกฎหมาย เนื่องจากเกิดการคัดค้านจากเอกชนบางกลุ่ม
“ผมไม่คิดใช้แอพฯ จีนแผ่นดินใหญ่เลย ... เราต่างรู้กันดีว่าเจ้าของแอพฯ ร่วมมือกับทางการจีน และเป็นไปได้ว่าพวกเขาส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้กับรัฐบาลจีน”