xs
xsm
sm
md
lg

ดีดลูกคิด จีนพุ่งทะยาน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้โดนลูกหลง ภาษีกีดกันจีนของทรัมป์

เผยแพร่:   โดย: เกรียงไกร พรพิพัฒน์กุล

หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ภาษาจีนบนแผงขายในเซี่ยงไฮ้ ที่รายงานบทความชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2016 (ภาพเอเอฟพี)
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (15 พ.ย.) ว่าในประเทศจีน กระแสตอบรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างหลากหลาย สื่อทางการจีนได้แสดงความเห็นถึงอำนาจทางการเมืองของโลกแบบอเมริกันกำลังจะลดถอยลง โกลบอลไทม์ส ยังระบุว่า ชัยชนะของทรัมป์ เป็นระเบิดรุนแรงทางการเมืองของสังคมอเมริกัน และเปรียบเหมือนการเข้าสู่ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม

หวัง เสี่ยงเว่ย อดีตบรรณาธิการเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ กล่าวว่า การต่อต้านสินค้าจีน และนโยบายอัตราภาษีสินค้าจีน นับเป็นท่าทีที่ผิดพลาดของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำจีนก็ต่างสงวนท่าทีกับเรื่องนี้ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีกับนายทรัมป์ และกล่าวว่าจีนพร้อมจะทำงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ พัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีจากจุดเริ่มต้นใหม่

สำหรับจีนนั้น ได้มีการเตรียมการมานานก่อนการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ด้วยยอมรับว่า ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ นโยบายการต่างประเทศและการค้าของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ก็ยังคงมีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบกับจีนทั้งสิ้น แม้ว่านโยบายของทรัมป์จะต่างกับฮิลลารี คลินตันก็ตาม โดยหากฮิลลารี คลินตันได้รับเลือก สหรัฐฯ ก็คงจะรับช่วงดำเนินยุทธศาสตร์ตอกหมุดเอเชีย (Pivot to Asia) เน้นการทหารและความมั่นคงที่เอเชีย ซึ่งเธอเป็นผู้วางแผนในนโยบายฯ และยังคงเน้นการวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน ตลอดจนปัญหาการเมืองอื่นๆ

ขณะที่ทรัมป์ ขาดประสบการณ์ในกิจการต่างประเทศ และความต่อเนื่องในกิจการต่างๆ ระดับโลก แต่นโยบายรณรงค์ของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และนี่อาจจะเป็นโอกาสและความท้าทายสำหรับจีน ด้วยกลยุทธ์ของทรัมป์นั้นจะล้มข้อตกลง TPP เขตการค้าเสรีที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งเป็นการเมืองเชิงกลยุทธของสหรัฐฯ ที่ต้องการตอกหมุดเอเชีย เพื่อรับมือกับการผงาดขึ้นมาของจีน

พร้อมไปกับการล้มข้อตกลง TPP ทรัมป์ยังแสดงให้รู้ว่าไม่รับมรดกการเมืองที่สำคัญของสหรัฐฯ ในการดูแลพันธมิตรดั้งเดิมในเอเชีย อย่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อล้อมจีนไว้ ซึ่งนั่นยิ่งเป็นการลดความกดดันให้กับจีน

ด้านภาคการเงินและการค้าจีนเองนั้น อาจจะมีความกังวลกับการกำหนดขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็นร้อยละ 45 และคงจะตราหน้าจีนว่าเป็นผู้บงการเบื้องหลังอัตราค่าเงิน กล่าวหาว่าจีนเป็นเหตุให้คนอเมริกันไม่มีงานทำ ซึ่งเรื่องนี้ นาย โหลว จี่เว่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีน กล่าวว่า "เป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผล"

แต่แรงกดดันนี้ ก็เหมือนเป็นโชคลาภแฝงสำหรับจีนเช่นกัน ด้วยการล้มพับไปของข้อตกลง TPP ย่อมเป็นโอกาสให้จีนเร่งดำเนินการพัฒนาข้อตกลงการค้าเสรี ทั้งในระดับภูมิภาค - ทวิภาคีในเอเชียและที่อื่นๆ

จอห์น ลีออนส์ คอลัมนิสต์จากวอลล์สตรีทเจอร์นัล กล่าวว่า การตั้งภาษี 45% นี้ ไม่น่าจะเป็นผลดีกับใคร โดยเฉพาะกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ด้วยตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จีนได้ทะยานขึ้นแซงสหรัฐฯ เป็นผู้สงออกรายใหญ่สุดของคู่ค้าชาติต่างๆ มากมาย ทั้งเกาหลีใต้ บราซิล ฯลฯ ถ้าจีนต้องช้าลงเพราะถูกแรงต้านภาษี ก็คงจะทำให้ชาติอื่นๆ ช้าลงกันไปทั้งหมด

องค์การการเงินระหว่างประเทศ ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันจีนมีส่วนในการเติบโตของโลกถึงหนึ่งในสาม และแม้ว่าการนำเข้าสินค้าของจีนจะชะลอลง แต่ก็มีระดับการสั่งซื้อสูงถึงร้อยละ 9 เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มจากปี ค.ศ. 2000 ถึง 3 เท่า

โยริสุมิ วะตะนาเบะ ผู้เชี่ยวชาญการค้า และศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเคโอ ประเทศญี่ปุ่น แสดงความเห็นว่าสำหรับประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้น จีนในตอนนี้คือคู่ค้าใหญ่ที่สุด ดังนั้นการจะมาปกป้องการค้ากับจีนคงจะทำให้เสียบรรยากาศการของชุมชนการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งคงไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น

Daiwa Securities ได้อ้างการคำนวณของไอเอ็มเอฟ ว่า ทุกอัตราภาษี 15% กับสินค้าจีน จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีนตกลง 1% และประเทศที่จะได้รับผลกระทบแรงสุด คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กับไต้หวัน ซึ่งไม่เพียงส่งออกสินค้าไปจีนเท่านั้น แต่จีนยังคือฐานผลิต และเป็นห่วงโซ่สินค้าในตลาดโลก

งานวิจัยของเอชเอสบีซี เปรียบกำลังผลิตทุก 1% ของจีน กับสหรัฐฯ ว่า จีนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการค้าทวีปเอเชีย และมีอิทธิพลกับการเติบโตของภูมิภาค เช่นเดียวกับงานวิจัยของไอเอ็มเอฟ ที่ระบุว่า หากการเติบโตจีนชะลอลง 1% ก็จะฉุดให้การเติบโตของเกาหลีใต้ตกลง 0.5%

หวัง เสี่ยงเว่ย อดีตบรรณาธิการเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ กล่าวว่า ยิ่งสหรัฐฯ ทำตัวเหมือนปิดประเทศ ก็จะยิ่งเป็นโอกาสให้จีนเร่งฟื้นนโยบายเปิดกว้าง ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก และใช้ประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศอย่างรุดหน้ายิ่งขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น