ช่วงเวลานี้เราจะเห็นตัวอักษรจีนสีแดงบนธงเหลืองอยู่ทั่วไปซึ่งตัวแรกเขียนแบบตัวย่อ ตัวหลังเขียนแบบตัวเต็ม เพราะเป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนหรือคนที่มีเชื้อสายจีนซึ่งไปพำนักพักพิงอยู่เกือบทั่วโลกเริ่มเทศกาลกินเจ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑-๙ ตามปฏิทินจีนเดือน ๙ ตรงกับปฏิทินสากล ๑-๙ ตุลาคม และปฏิทินไทยเป็นแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐-ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๑๑ ของปีนี้
เคยเรียนให้ท่านทราบแล้วว่า เทศกาลประเพณีต่างๆ ของจีนมักมีเรื่องเกี่ยวข้องกับเทพนิยายหรือประวัติศาสตร์ตลอดจนเรื่องอื่นๆ สุดแล้วแต่ใครจะมีทัศนะความเชื่อโน้มเอียงไปทางใด
คนที่กินเจตามเทพนิยายก็จะผูกเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า ๙ องค์ถ้าชอบกินเจแบบนี้ก็เรียกกันหรูหราว่า จิ่วหวงจาย 九皇斋Jiǔ huáng zhai โดยอ้างว่ากินเจแล้วจะมีเทพเจ้าเก้าองค์มาอวยชัยให้พรประสบความสุขความเจริญ
ถ้ากินเจตามเรื่องในประวัติศาสตร์ก็เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์น่าเศร้าสลดของจีนยุคปลายราชวงศ์ซ่ง宋Sòng อันเป็นราชวงศ์ที่ตกต่ำมากของจีนเพราะถูกเผ่าอนารายชนจากนอกด่านกำแพงเมืองจีนกระทำการข่มขู่ย่ำยีสารพัด
ชาวมองโกลสามารถประกาศศักดายกทัพข้ามกำแพงเมืองจีนมหึมาเข้ามาย่ำยีชาวจีนอย่างทารุณโหดร้ายตั้งแต่ ค.ศ.๑๒๗๑
ฮ่องเต้จีนของราชวงศ์ซ่งใต้ต้องทิ้งเมืองหลวงหนีเตลิดลงใต้แบบสิ้นลายโดยมีขุนนางผู้จงรักภักดีหอบหิ้วโอรสน้อยๆหนีตายมาผจญความลำบากยากไร้ถึงแถบบริเวณที่ปัจจุบันคือคาบสมุทรเกาลูนผู้คนแถบนี้พูดภาษาจีนภาคใต้แบบสำเนียงกว่างตง(กวางตุ้ง)广东Guǎng-dong
เกาลูนในสำเนียงกวางตุ้งออกเสียงเป็น เก๋าหล่ง -จิ่วหลง 九龙Jiǔ lóng แปลว่า เก้ามังกร
ขุนนางผู้ภักดีพยายามกอบกู้ราชบัลลังก์โดยยกโอรสองค์น้อยวัย ๙ พรรษาขึ้นเป็นฮ่องเต้เด็กในสภาพที่สุดแสนอนาถาน่าสังเวช ในที่สุดเมื่อชาวมองโกลรวมกับพวกชาวจีนขายชาติจำนวนมากได้ติดตามไล่ล่ามาถึงเมืองเกาลูนจนไม่มีที่จะหนีซอกซอนไปอีกแล้ว
ลู่ซิ่วฟู陆秀夫Lù Xiù-fu ขุนนางผู้ภักดีจึงตัดสินใจให้ฮ่องเต้เด็กวัยเก้าพรรษาขี่หลังแล้วกระโดดลงน้ำทะเลที่เมืองเกาลูนจมหายไปเพื่อจะไม่ต้องตกไปเป็นเชลยให้อับอายขายหน้าเฉกเช่นฮ่องเต้องค์สุดท้ายของหลายราชวงศ์จีนก่อนหน้านี้
ด้วยการที่ฮ่องเต้เด็กวัยเก้าพรรษาจมน้ำตายในเกาลูน-เก้ามังกร ค.ศ.๑๒๗๙ จึงเป็นที่มาของการกินเจ ๙ วันเพื่อรำลึกถึงความหลังอันขมขื่นนี้ ท่านผู้ใดจะกินเจตามทัศนคติแบบใดย่อมสุดแล้วแต่อัธยาศัย ขอเพียงให้กินอย่างมีสติสัมปชัญญะย่อมประสบความสุขความเจริญ
เคยเรียนให้ท่านทราบแล้วว่า เทศกาลประเพณีต่างๆ ของจีนมักมีเรื่องเกี่ยวข้องกับเทพนิยายหรือประวัติศาสตร์ตลอดจนเรื่องอื่นๆ สุดแล้วแต่ใครจะมีทัศนะความเชื่อโน้มเอียงไปทางใด
คนที่กินเจตามเทพนิยายก็จะผูกเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า ๙ องค์ถ้าชอบกินเจแบบนี้ก็เรียกกันหรูหราว่า จิ่วหวงจาย 九皇斋Jiǔ huáng zhai โดยอ้างว่ากินเจแล้วจะมีเทพเจ้าเก้าองค์มาอวยชัยให้พรประสบความสุขความเจริญ
ถ้ากินเจตามเรื่องในประวัติศาสตร์ก็เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์น่าเศร้าสลดของจีนยุคปลายราชวงศ์ซ่ง宋Sòng อันเป็นราชวงศ์ที่ตกต่ำมากของจีนเพราะถูกเผ่าอนารายชนจากนอกด่านกำแพงเมืองจีนกระทำการข่มขู่ย่ำยีสารพัด
ชาวมองโกลสามารถประกาศศักดายกทัพข้ามกำแพงเมืองจีนมหึมาเข้ามาย่ำยีชาวจีนอย่างทารุณโหดร้ายตั้งแต่ ค.ศ.๑๒๗๑
ฮ่องเต้จีนของราชวงศ์ซ่งใต้ต้องทิ้งเมืองหลวงหนีเตลิดลงใต้แบบสิ้นลายโดยมีขุนนางผู้จงรักภักดีหอบหิ้วโอรสน้อยๆหนีตายมาผจญความลำบากยากไร้ถึงแถบบริเวณที่ปัจจุบันคือคาบสมุทรเกาลูนผู้คนแถบนี้พูดภาษาจีนภาคใต้แบบสำเนียงกว่างตง(กวางตุ้ง)广东Guǎng-dong
เกาลูนในสำเนียงกวางตุ้งออกเสียงเป็น เก๋าหล่ง -จิ่วหลง 九龙Jiǔ lóng แปลว่า เก้ามังกร
ขุนนางผู้ภักดีพยายามกอบกู้ราชบัลลังก์โดยยกโอรสองค์น้อยวัย ๙ พรรษาขึ้นเป็นฮ่องเต้เด็กในสภาพที่สุดแสนอนาถาน่าสังเวช ในที่สุดเมื่อชาวมองโกลรวมกับพวกชาวจีนขายชาติจำนวนมากได้ติดตามไล่ล่ามาถึงเมืองเกาลูนจนไม่มีที่จะหนีซอกซอนไปอีกแล้ว
ลู่ซิ่วฟู陆秀夫Lù Xiù-fu ขุนนางผู้ภักดีจึงตัดสินใจให้ฮ่องเต้เด็กวัยเก้าพรรษาขี่หลังแล้วกระโดดลงน้ำทะเลที่เมืองเกาลูนจมหายไปเพื่อจะไม่ต้องตกไปเป็นเชลยให้อับอายขายหน้าเฉกเช่นฮ่องเต้องค์สุดท้ายของหลายราชวงศ์จีนก่อนหน้านี้
ด้วยการที่ฮ่องเต้เด็กวัยเก้าพรรษาจมน้ำตายในเกาลูน-เก้ามังกร ค.ศ.๑๒๗๙ จึงเป็นที่มาของการกินเจ ๙ วันเพื่อรำลึกถึงความหลังอันขมขื่นนี้ ท่านผู้ใดจะกินเจตามทัศนคติแบบใดย่อมสุดแล้วแต่อัธยาศัย ขอเพียงให้กินอย่างมีสติสัมปชัญญะย่อมประสบความสุขความเจริญ
