เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อจีนรายงาน (13 ก.ย.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยืนยันหนุ่มจีนติดเชื้อ “ไวรัสซิกา” หลังไปทำงานที่กัวเตมาลา
ราวเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา หนุ่มจีนผู้อาศัยในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน วัย 28 ปี ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศสาธารณรัฐกัวเตมาลา ในภูมิภาคอเมริกากลาง
วันจันทร์ (5 ก.ย.) เขาเริ่มมีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ และเริ่มมีผื่นคันบนผิวหนัง ก่อนจะได้เดินทางกลับประเทศจีนในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) โดยเจ้าหน้าที่คัดกรองโรคประจำสนามบินได้พบว่า เขามีอาการต้องสงสัยว่าติดเชื้อซิกา จึงได้นำตัวเขาส่งให้ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลตรวจร่างกายโดยละเอียด และได้กักตัวเขาไว้ในโรงพยาบาลเป็นการชั่วคราว
ต่อมา วันจันทร์ (12 ก.ย.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centre for Disease Control and Prevention หรือ CDC) หน่วยงานใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขจีน ได้ออกมาระบุว่า ชายหนุ่มได้ติดเชื้อไวรัสซิกาจริง โดยขณะนี้ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า มีชาวจีนหลายรายได้รับเชื้อไวรัสซิกามาตั้งแต่ต้นปี โดยชาวจีนรายแรกติดเชื้อไวรัสซิกาในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ได้ประกาศว่า มีชาวจีนติดเชื้อซิการาว 30 ราย อย่างไรก็ดี ยังไม่ปรากฎรายงานว่ามีการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสบนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยผู้ที่ติดเชื้อมักได้รับไวรัสขณะเดินทางไปต่างประเทศ
“ไวรัสซิกา” หรือ ไข้ซิกา เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเฟลวิไวรัส ซึ่งมียุงลายเป็นตัวพาหะ โดยอาการของโรคดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับโรคไข้เลือดออก คือ มีผื่นแดงขึ้นตามตัว ไข้ขึ้นสูง เยื่อบุตาอักเสบ และมีอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ โดยอาการจะทุเลาลงในเวลา 2-7 วัน หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ดี เชื้อไวรัสดังกล่าว อาจสร้างความผิดปกติให้กับศีรษะของทารกในครรภ์ คือทำให้กะโหลกศีรษะและสมองของทารกเล็กกว่าปกติได้