ไชน่าเดลี รายงาน (12 ส.ค.) ว่าเกิดเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในเมืองตังหยัง มณฑลหูเป่ย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บ 5 คน โดยเหตุเกิดขึ้นในวันครบ 1 ปีระเบิดเทียนจิน ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 165 คน
สำนักงานความปลอดภัยในการทำงาน ออกแถลงการณ์ว่า แรงดันของท่อไอน้ำในโรงงานไฟฟ้าตังหยัง หม่าเตียน เพิ่มสูงขึ้นเกินขีดจำกัด และระเบิดเมื่อเวลา 15.20 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ขณะทีสาเหตุที่แท้จริงกำลังอยู่ระหว่างสอบสวน
รายงานข่าวกล่าวว่า โรงไฟฟ้านี้อยู่ในเครือกิจการของ หวงเฉียง เคมิคัลกรุ๊ป เป็นกิจการของรัฐ ซึ่งผ่านการตรวจอนุมัติจากคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาหูเป่ยเมื่อวันที่ 6 มกราคม เพื่อผลิตไฟฟ้าและพลังงานความร้อนจากถ่านหิน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
หยัง หวนหนิง หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยการทำงาน มีคำสั่งให้ตั้งคณะสอบสวนอุบัติเหตุและกู้ภัยฯ
หลี่ หงจง เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าในหูเป่ย มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นระดมความช่วยเหลือทุกทางเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต หลี่ ยังให้คำมั่นว่าจะตั้งชุดสอบสวน เพื่อหาสาเหตุของการระเบิด และเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง
สำนักงานความปลอดภัยการทำงาน แถลงว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงกรกฎาคม ปีนี้ มีอุบัติเหตุจากการทำงานในจีนเกิดขึ้น 115 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวม 16,059 คน พร้อมกับกล่าวเตือนว่าในช่วงฤดูร้อนมักมีความเสี่ยงของอุบัตภัยระเบิดในโรงงานและเหมืองถ่านหิน
ทั้งนี้ เหตุระเบิดโรงไฟฟ้าครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นในวันครบรอบ 1 ปี ระเบิดใหญ่ที่เมืองท่าโกดังสินค้าในเขตเมืองใหม่ปินไห่ของนครเทียนจิน โดยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เกิดเหตุระเบิดระเบิดแผดเสียงดังกัปนาทสองครั้ง เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ตามลำดับ ทะเลเพลิงเผาผลาญทุกสิ่งอย่าง แรงระเบิดพังทำลายสิ่งต่างๆในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร บ้านเรือน โรงเรียน ถนนหนทาง สื่อทางการจีน รายงานผู้เสียชีวิต 165 คน และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรงรวมมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สเตรทไทม์ส รายงานว่า เหตุระเบิดที่เทียนจินส่งผลสะท้อนการทุจริตในการบริหารของรัฐ ซึ่งจากการสอบสวนมีเจ้าหน้าที่ 123 คนถูกลงโทษ อย่างไรก็ดี แม้รัฐบาลจะให้คำมั่นในการแก้ไขปัญหาแต่สำหรับเทียนจิน หลายฝ่ายบอกว่ารัศมีโดยรอบของพื้นที่ระเบิดนั้นซึ่งเสียหายนับกิโลเมตรนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นายฉิน เต่า วัย 36 เจ้าของกิจการขนส่งสินค้ารายหนึ่งได้รับผลกระทบจากระเบิดในท่าเทียนจิน กล่าวว่า ช่วงแรกๆ เจ้าหน้าที่มาสำรวจความเสียหายและถ่ายรูปรายงานฯ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นมาทำเหมือนเดิม แล้วก็มีตำรวจ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตมาทำซ้ำอีก แต่ก็ยังไม่ได้ยินหรือเห็นว่าทำอะไรต่อจากนั้น
พื้นที่ระเบิดนยังคงเป็นเขตห้ามเข้า เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวใกล้ๆ ขณะเดียวกันก็มีรถตำรวจของไล่รถยนต์คันอื่นๆ บนทางหลวง ที่ชะลอหรือจอดดูความเสียหายของพื้นที่ดังกล่าว
โรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่กลายเป็นโรงเรียนร้าง ตลอดจนกิจการต่างๆ ก็ปิดหมด นายฉิน เต่า ได้กล่าวกับ สำนักข่าวเอเอฟพีว่า ก่อนเหตุการณ์ระเบิดท่าโกดังเทียนจินนั้น เขากำลังจะเปิดกิจการขนส่งสินค้าในพื้นที่ดังกล่าว แต่ระเบิดครั้งนั้นทำให้ตนกลายเป็นคนมีหนี้สินทันที โดยที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตน