เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวนครเซี่ยงไฮ้ หลิว อี้เชียน และหวัง เวย ศรีภรรยา กลายเป็นข่าวดังสะท้านวงการงานศิลปะและโบราณวัตถุระดับโลก เมื่อทั้งคู่เล่นบทเจ้าบุญทุ่ม ประมูลซื้องานศิลปะโบราณด้วยราคาแพงลิบลิ่วทำลายสถิติเท่าที่เคยมีมาอยู่หลายครั้งหลายครา
เมื่อ 2 ปีก่อน สองสามีภรรยาชนะการประมูลซื้อชามไก่ยุคราชวงศ์หมิง ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ ด้วยราคา 281.24 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 1,181 ล้านบาท) นอกจากนั้น ยังชนะประมูลซื้อภาพพุทธศิลป์ทิเบต “ทังก้า” ในราคา 348.4 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 1,463 ล้านบาท) ทุบสถิติภาพทังก้าที่แพงที่สุดในโลก ตามด้วยผลงานศิลปะการเขียนพู่กันจีนโบราณ ฝีมือปรมาจารย์หวัง ซีจือ ในราคา 308 ล้านหยวน ( ราว 1,540 ล้านบาท)
ต่อมาในเดือนพ.ย. 2558 ภาพวาดหญิงเปลือยเอนกาย ( Reclining Nude) ของอาเมดีโอ โมดิเกลียนี ศิลปินสมัยใหม่ของอิตาลี วาดเมื่อปี 2460 ก็ตกเป็นสมบัติในครอบครอง เมื่อสำนักประมูลคริสตีส์เคาะราคา ที่ทั้งคู่เสนอครั้งสุดท้ายที่ 170.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว 6,112 ล้านบาท) และจนถึงขณะนี้ยังคงมีข่าวมหาเศรษฐีหลิวชนะการประมูลงานศิลปะชิ้นเยี่ยมอื่น ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ใคร ๆ อาจคิดว่า ที่ทำเช่นนี้ เพราะยากดัง
ทว่าจากการเปิดใจของคุณนายหวัง เธอกับสามีนำทรัพย์สมบัติ ที่มีอยู่มากถึงกว่าครึ่งหนึ่งมาซื้องานศิลปะล้ำค่าเหล่านี้
“ รายได้กว่าครึ่งหนึ่งของเราหมดไปกับงานศิลปะ ก็เพราะว่าเรารักศิลปะนั่นเอง” สตรีวัย 53 ปีผู้นี้ชี้แจง
ทั้งคู่รวบรวมเงิน ที่ได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และเงินจากบริษัทการเงินของหลิวบางแห่ง รวมทั้งเงินบริจาคเล็ก ๆ น้อยจากบริษัทบางราย ซึ่งมี “ จิตใจดีงาม”
หลิวและภรรยายังรู้สึกแฮปปี้ ที่การซื้องานศิลปะเหล่านี้ตกเป็นข่าวสนใจของผู้คนทั่วโลก โดยให้เหตุผลว่า การประกาศให้ผู้คนรู้ว่า เรารักศิลปะไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไร
นอกจากจะสะสมผลงานศิลปะชิ้นยอดเยี่ยมแล้ว ปัจจุบันมหาเศรษฐีหลิวและภรรยายังเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ชื่อว่า ลอง มิวเซียม ( Long Museum) ในนครเซี่ยงไฮ้อีกด้วย ซึ่งมีอยู่ 2 สาขา ได้แก่สาขาในเขตผู่ตง เปิดเมื่อปี 2555 และอีกสาขาตั้งอยู่ในเขตผู่ซี เปิดเมื่อปี 2557 ทั้งสองเขตนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะ ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในเซี่ยงไฮ้ และยังเตรียมเปิดสาขา ที่ 3 ในนครฉงชิ่งอีกในอนาคต โดยมีคุณนายหวังทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์
พิพิธภัณฑ์ของเธอจัดแสดงผลงานของศิลปิน ย้อนไปไกลในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง ตลอดจนผลงานจิตรกรรมของศิลปินสมัยใหม่ นอกจากนั้น เธอยังซื้อผลงานจากชาติอื่น ๆ ในเอเชีย ซึ่งเพิ่งมีการจัดนิทรรศการครั้งพิเศษไปเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งคู่เริ่มสนใจศิลปะมาตั้งแต่สมัย ที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเก่าทรุดโทรม หลังแคบ ๆ ในย่านเฉิงหวังเมี่ยว เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตอนนั้น ทางครอบครัวเปิดร้านขายของชำที่ชั้นล่างของบ้าน
“เราซื้อเครื่องลายครามบ้าง เพราะเป็นงานอดิเรกของสามีฉัน” คุณนายหวังเล่า
“ สมัยก่อนราคาถูกมากค่ะ”
ตลาดงานศิลปะของจีนบูมไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ก้าวรุดหน้าในช่วง 3 ทศวรรษ ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคางานศิลปะพุ่งพรวดในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งหวังเห็นว่า ราคาที่แพงเกินไปไม่ใช่เรื่องดี แต่ตลาดควรโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้คนสามารถปรับตัวไปตามราคา ที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เศรษฐกิจจีนไม่แข็งแกร่งอย่างเมื่อก่อน ทำให้การประมูลงานศิลปะตั้งแต่เมื่อต้นปีนี้ไม่มีผู้สนใจซื้อเลย
หวังเล่าว่า สามีของเธอมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ เขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรม
ชีวิตของมหาเศรษฐีหลิว ซึ่งอายุ 53 ปีเท่ากัน เรียกได้ว่าปากกัดตีนถีบ มาตั้งแต่เด็ก เขาต้องเลิกเรียนหนังสือกลางคัน ขณะอยู่ชั้นมัธยมศึกษา จากน้นเปิดโรงงานผลิตถุง ซึ่งช่วยกันทำภายในครอบครัว ต่อมายึดอาชีพคนขับรถแท็กซี่ หลิวยังได้ทำงานเป็นผู้จัดการห้างสรรพสินค้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่นหุ้น ซึ่งเชื่อกันว่า เขาร่ำรวยจากการลงทุนในตลาดหุ้นนี่เอง
ปัจจุบัน ทั้งคู่มีลูก 4 คน เป็นลูกสาว 3 คน และลูกชาย 1 คน โดยคนเล็กสุดอายุ 17 ปี ลูกทุกคนไม่เรียนหนังสือ ก็ทำงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการงานศิลปะ และในอนาคตหวังต้องการให้ลูกชายเป็นผู้สานต่องานพิพิธภัณฑ์ลองมิวเซียม
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ยังมีรายได้ไม่คุ้มกับต้นทุนในการดำเนินการ คุณนายหวังจึงใช้วิธีจ้างพนักงานชั่วคราว มากกว่าการจ้างมืออาชีพเป็นพนักงานประจำ ขณะที่หลิวคอยช่วยเหลือด้านการเงินทั้งในการซื้อผลงานศิลปะ และค่าใช้จ่ายในการเปิดพิพิธภัณฑ์
แม้มีเวลานอนพักผ่อนแค่ 4-5ชั่วโมง แต่คุณนายหวังกล่าวว่า ตอนนี้ชีวิตของเธอมีความสุขมาก และเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวมาเยือนพิพิธภัณฑ์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้เธอหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง