เอเอฟพี - ทางการจีนเผย (15 ก.พ.) การค้าแดนมังกรทรุดฮวบในเดือนแรกของปี ด้วยตัวเลขส่งออกและนำเข้าดิ่งลง เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม มีปริมาณล้นเกินความต้องการ สวนทางกับอุปสงค์จากต่างชาติ พาลฉุดรั้งการเติบโตของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก
สำนักงานศุลกากรของจีนรายงานว่า ภาคการส่งออกปรับลดลงร้อยละ 11.2 ไปอยู่ที่ 177,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบปีต่อปี เช่นเดียวกับภาคการนำเข้า ที่ปรับลงร้อยละ 18.8 ไปอยู่ที่ 114,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียอย่าง “จีน” ซึ่งถือเป็นชาตินักค้ารายใหญ่ที่สุด และเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก กำลังเผชิญผลกระทบจากความแปรปรวนของตลาดต่างประเทศ และความอ่อนแอของหุ้นส่วนคู่ค้าอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมันและเหล็กกล้า ที่ลดต่ำในเวลานี้ บวกกับโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ชะลอตัว ได้โจมตีภาคการนำเข้าของจีน ขณะที่ภาคการส่งออกก็เจ็บตัวจากความต้องการของต่างชาติที่ซบเซาลง รวมถึงค่าแรง และศักยภาพในการแข่งขันของประเทศเพื่อนบ้าน ที่เพิ่มสูงขึ้น
“เราเชื่อว่าการเติบโตทางการค้าที่ทรุดตัวของจีน ได้สะท้อนอุปสงค์การลงทุนที่ผ่อนกำลังลง เป็นไปได้ว่ามาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการต่างๆ ที่มุ่งลดกำลังการผลิตส่วนเกิน” เจ้า หยัง นักวิเคราะห์จากธนาคารนอมูระกล่าว
สถิติที่ทางการจีนเผยแพร่ออกมานั้น “เลวร้าย” กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยประเมินไว้มาก อ้างอิงจากผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก นิวส์ ที่ระบุว่า ภาคการส่งออกน่าจะลดลงร้อยละ 1.8 และภาคการนำเข้าน่าจะลดลงร้อยละ 3.6 เท่านั้น
“การลดฮวบอย่างรวดเร็วในเดือนม.ค. เป็นผลสะท้อนความต้องการจากนอกประเทศที่อ่อนแอลง” นักวิเคราะห์ของธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (เอเอ็นแซส) กล่าว โดยอ้างถึงหุ้นส่วนการค้าใกล้บ้านอย่างเกาหลีใต้และไต้หวัน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียงร้อยละ 6.9 ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งนับว่า “ตกต่ำที่สุด” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 หรือในรอบ 25 ปี โดยมีการคาดการณ์กันอีกว่า “จะชะลอตัวยิ่งขึ้นในปี พ.ศ.2559 นี้”
อย่างไรก็ดี ดุลการค้าประจำเดือนม.ค. ของจีน ยังคงเกินดุลด้วยสถิติใหม่ ที่ 63,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“การเกินดุลการค้าฯ ชี้ว่า จีนยังคงมีบัญชีเดินสะพัดเกินดุลขนาดใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้ควรช่วยชดเชยการไหลออกของเงินทุนบางส่วน และบรรเทาแรงกดดันการปรับค่าเงินหยวน” นักวิเคราะห์ของเอเอ็นแซสกล่าว
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หัวหน้าธนาคารกลางของจีนได้ออกมาตำหนินักเก็งกำไรชาวต่างชาติ ต่อกรณีความผันผวนของการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวน และยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดค่าเงินหยวนอีกแล้ว
“จีนมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” คำกล่าวของโจว เสี้ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน ที่ปรากฏในบทสัมภาษณ์ซึ่งถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ของธนาคารฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ก.พ.
อ้างอิงข้อมูลของทางการจีนระบุว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนลดลง 99,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลืออยู่ที่ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. เนื่องจากธนาคารกลางปล่อยขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อชะลอการไถลลงของเงินหยวน
ด้านดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับลดลงร้อยละ 1.57 ในช่วงพักเที่ยงวันนี้ (15 ก.พ.) เป็นไปตามปฏิกิริยาตอบสนองตลาดโลกของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ซึ่งเพิ่งทยอยกลับมาจากช่วงหยุดยาวนานหนึ่งสัปดาห์ของเทศกาลตรุษจีน
จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด จากแคปปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวในงานวิจัยว่า แม้ตัวเลขจะแย่กว่าที่คาดการณ์ แต่สิ่งต่างๆ ก็อาจไม่เลวร้ายอย่างภาพที่เห็น เพราะความบิดเบือนของข้อมูล ที่เป็นผลจากวันหยุดเทศกาลและการไหลออกของเงินทุน
“เร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปจากภาวะผันผวนตามฤดูกาล และก่อนตัวเลขเดือนก.พ. จะปรากฏออกมา”
อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักงานศุลกากรจีนได้เผยแพร่ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกในภาคสกุลเงินหยวน ระบุว่าการส่งออกลดลงร้อยละ 6.6 การนำเข้าลดลงร้อยละ 14.4 และการเกินดุลการค้าอยู่ที่ร้อยละ 12.2