เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผู้นำจีนประกาศกฎสำหรับกองทัพปลดแอกประชาชน นับเป็นผู้นำคนที่ 2 บนแผ่นดินมังกร ที่ทำเช่นนี้ หลังจากการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นต้นมา
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้สรุปทิศทางของกองทัพในการกล่าวปราศรัยอย่างเป็นทางการ ที่เรียกกันว่า ซวิ่นฉือ หรือการประกาศข้อบัญญัติ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. พ.ศ.2558 ซึ่งมีการเปิดหน่วยงานใหม่ 2 หน่วยของกองทัพ และการจัดตั้งกองบัญชาการหน่วยภาคพื้นดิน ที่แยกส่วนกัน จากรายงานของเสวียสี จงกั๋ว แอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งดำเนินการโดยโรงเรียนพรรคกลาง (Central Party School) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นักวิเคราะห์มองพัฒนาการครั้งนี้ว่า เป็นการรวบอำนาจของประธานาธิบดี สี และเรียกร้องความจงรักภักดี ในขณะที่เขาเตรียมปฏิรูปกองทัพปลดแอกประชาชนครั้งใหญ่
ในประวัติศาสตร์ 67 ปีของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีผู้นำเพียงคนเดียวที่ประกาศกฎ หรือข้อบัญญัติสำหรับกองทัพ เขาผู้นั้นก็คือเหมา เจ๋อตง ซึ่งเคยประกาศไว้เมื่อปีพ.ศ. 2495 และในปี พ.ศ. 2496
ประธานาธิบดีสี ซึ่งยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (ซีเอ็มซี) กล่าวปราศรัยครั้งนี้ก็เพื่อเรียกร้องให้มีการนำแผนปฏิรูปกองทัพของเขาไปปฏิบัติอย่างเต็มร้อย
นายเฉิน เต้าอิ๋น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มองว่า การปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย ซึ่งประธานาธิบดีสีปรารถนาแรงกล้า ที่จะดำเนินการนั้น เป็นการวางรูปแบบของกองทัพขึ้นใหม่จากของเดิมในยุคของเหมา หากทำสำเร็จย่อมทำให้ประธานาธิบดีสีเป็นผู้นำจีน ที่เทียบชั้นได้กับเหมา หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา ประธานซีเอ็มซีคนก่อนๆ เช่น เติ้ง เสี่ยวผิง เจียง เจ๋อหมิน หรือ หู จิ่นเทา ไม่เคยประกาศข้อปฏิบัติของกองทัพมาก่อน ซึ่งย่อมแสดงว่า อำนาจของประธานาธิบดีสียิ่งใหญ่กว่าผู้นำเหล่านั้น
ในความเห็นของนาย จัง หลี่ฟั่น นักประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คำว่า ซวิ่นฉือ บ่งบอกถึงความเข้มงวด เคร่งครัด และการตักเตือน ห้ามปราม แก่ผู้มีตำแหน่งต่ำกว่า
นายจังระบุว่า การประกาศกฎแก่กองทัพครั้งนี้ยังส่งสัญญาณถึงความไม่พอใจ และความวิตกกังวลของประธานาธิบดีสีเกี่ยวกับสภาพการณ์ของกองทัพ ซึ่งการทุจริตคอร์รัปชั่นลุกลามไปทั่ว และโครงสร้างการบังคับบัญชาแบบเก่า ที่ยึดถือตามของสหภาพโซเวียต
นอกจากนั้น คำปราศรัยครั้งนี้ประธานาธิบดีสียังได้แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ในการยกเครื่องกองทัพ โดยเขาจะไม่ยอมให้เกิดการแข็งข้อต่อต้านจากคนในกองทัพอย่างเด็ดขาด