เอเจนซี--ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เตือนจีนจะเผชิญปัญหาท้าทายมากขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการใช้มาตรการกระตุ้นการพัฒนาอย่างแรงนั้น จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
วารสาร ฉิวซื่อ นิตยสารธงนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนฉบับวันศุกร์(1 ม.ค.) ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับปัญหาท้าทายของจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยอ้างอิงคำกล่าวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2558 ระหว่างพิธีปิดการประชุมเต็มคณะฯ ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18
สำหรับการประชุมเต็มคณะฯ ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ได้รับรองหลักแนะแนวสำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 13 ซึ่งเป็นร่างแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน ที่จะใช้ไปถึงปี 2563
ในคำกล่าวปิดประชุมฯ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงชี้ว่า การใช้มาตรการกระตุ้นการพัฒนาฯอย่างแรงนั้น อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปในช่วง 5 ปีข้างหน้า
“ความเสี่ยงที่เป็นผลพวงจากการพัฒนาประเทศ อาจจะทับถมบานปลาย และสำแดงออกมาในช่วง 5 ปี ข้างหน้านี้” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าว
ประธานาธิบดีสี ยังกล่าวว่าจีนกำลังเผชิญปัญหาท้าทายสำคัญ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไปถึงด้านภัยพิบัติธรรมชาติ นอกจากนี้ สถานการณ์โลกทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ก็จะสร้างความเสี่ยงให้แก่จีนด้วย
แม้การพัฒนาเศรษฐกิจในอดีต ได้ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน และได้แก้ไขปัญหาสังคมในหลายด้าน ในขณะนี้ปัญหาต่างๆของประเทศก็ทวีความซับซ้อนขึ้น
ในรายงานคำแถลงปิดประชุมฯ ได้ระบุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 6.5 และเป้าหมายการขยายตัวของรายได้หลังหักภาษีของผู้อาศัยในเขตเมือง จะอยู่ที่อย่างน้อยร้อยละ 5.8
“จีนไม่สามารถพึ่งพิงการพัฒนาแบบกึ่งสมบูรณ์แบบ (extensive development) และมาตรการกระตุ้นอย่างแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ มิฉะนั้นแล้ว ประเทศชาติก็จะย่ำอยู่บนหนทางเดิมๆ ซึ่งมีแต่จะสร้างปัญหาและความขัดแย้งใหม่ๆ
“การขยายการลงทุนอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การลงทุนที่ไร้ประสิทธิภาพที่ไม่ให้ผลตอบแทนใดกลับคืนมานั้น ก็จะค่อยๆสั่งสมหนี้เน่า สร้างความเสี่ยงทางการเงินให้แก่ภาคบริษัท และความเสี่ยงการคลังให้แก่ประเทศ” สี กล่าว
โครงการลงทุนใดๆควรจะกำหนดขึ้นจากความต้องการตลาด มากกว่าขึ้นอยู่กับการอุดหนุนทางการเงินจากรัฐบาล หรือนโยบายสนับสนุน ส่วนรัฐบาลนั้นก็ต้องจัดการดูแลด้านค่าใช้จ่ายและรายได้จากภาษี
“แม้ในสภาพการณ์ที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วก็ตาม รัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้หากขาดรายได้จากภาษี และเมื่อไม่มีการปรับปรุงด้านการประกันสังคม ก็ยากที่สังคมจะสมานฉันท์และมั่นคง การสร้างหลักประกันการเติบโตอย่างมีคุณภาพนั้นมีความสำคัญเช่นเดียวกับการรักษาอัตราเติบโตฯ
“รูปแบบการพัฒนาแบบใหม่ๆจะเป็นคำตอบในการสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นวัตกรรมของจีนยังไม่แข็งแรงพอ และระดับการพัฒนาเทคโนโลยีก็ยังไม่สูงพอ” สีกล่าว และชี้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนถ่ายด้านเศรษฐกิจที่จำเป็นสำหรับจีน
ประมุขแดนมังกรยังชี้ว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่จีนกำลังเผชิญอยู่นั้นมาจากการส่งออกที่ซบเซาในขณะที่จีนมุ่งขายสินค้าตลาดล่าง ขาดแคลนสินค้าตลาดบน และสินค้าไฮเทค
นอกจากอาศัยขยายความต้องการ(อุปสงค์) ภายใน ผลักดันอัตราเติบโตเศรษฐกิจแล้ว กลุ่มผู้ผลิตก็ควรมุ่งเน้นที่อุปทาน โดยพัฒนาคุณภาพของสินค้า
ทั้งนี้ ในการประชุมกรอบงานด้านเศรษฐกิจของส่วนกลาง ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของเหล่าผู้นำระดับสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ระดมสมองกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ โดยมุ่งไปที่การปฏิรูปด้านอุปทาน