นานมาแล้ว ขุนนางใหญ่แห่งรัฐฉีนาม จู สือฟู่ก่อกบฎขึ้น หลังจากจับตัวได้ ฉี เซวียนอ๋องจึงประหารชีวิตเสีย ขณะที่กำลังเตรียมการจับตัวญาติพี่น้องตระกูลจูมาตัดคอเจ็ดชั่วโคตรอยู่นั้น คนในตระกูลจูเมื่อทราบข่าวจึงมารวมตัวปรึกษาหารือกัน จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า “หากเป็นคำของขุนนางคนอื่น ล้วนแล้วแต่ไม่เข้าหูฉีอ๋อง มีเพียงทัศนะของพระอาจารย์อ้ายจื่อ ขุนนางคนโปรดเท่านั้น ฉีอ๋องจึงจะนำมาขบคิดและทบทวน เช่นนั้นเหตุใดคนในตระกูลจูเราจึงไม่อ้อนวอนอาจารย์อ้ายจื่อให้ลองทูลขอชีวิตกับกับฉีอ๋องสักคำ?”
ดังนั้น คนในตระกูลจูทั้งหมดจึงรวมตัวกันไปคุกเข่าอยู่หน้าบ้านพักของอ้ายจื่อ พร้อมกับกราบไหว้ และร้องห่มร้องไห้ขอให้อ้ายจื่อช่วยชีวิตทั้งหมดสักครา
อ้ายจื่อเมื่อได้ฟังเรื่องราวก็กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ไม่ยากอะไร พวกเจ้าเพียงเตรียมเชือกให้ข้าสักเส้นหนึ่งก็จะสามารถรอดพ้นโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรได้”
ฝ่ายคนในตระกูลจูเมื่อได้ฟังดังนั้นแม้จะไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง นึกว่าอ้ายจื่อเพียงกล่าวล้อเล่นเพื่อปลอบใจ แต่ก็ไม่กล้าสอบถามว่าเชือกเส้นหนึ่งจะสามารถช่วยชีวิตพวกตนได้อย่างไร จึงรีบกลับไปหาเชือกที่บ้านมามอบให้กับอ้ายจื่อ
หลังจากได้เชือกมา อ้ายจื่อก็รีบพกเชือกเส้นดังกล่าวรุดไปเข้าเฝ้าฉีเซวียนอ๋อง โดยเมื่อได้เข้าเฝ้าจึงกราบทูลว่า “การที่ จู สือฟู่ก่อกบฎจนถูกฝ่าบาทตัดศีรษะไปแล้วนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและเหมาะควรอย่างยิ่ง เพียงสงสัยว่าคนในตระกูลจูที่ก่อกบฎมีเพียง จู สือฟู่เพียงคนเดียว ญาติพี่น้องของเขามีความผิดอันใดหรือฝ่าบาท? ข้าน้อยได้ยินว่าฝ่าบาทเตรียมสั่งประหารชีวิตคนตระกูลจูทั้งตระกูล หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะติฉินนินทาเอาได้ว่าฝ่าบาทโหดเหี้ยมอำมหิต ปราศจากซึ่งความเมตตากรุณา”
ด้านฉีอ๋องได้ฟังจึงเอ่ยตอบไปว่า “การสั่งประหารเจ็ดชั่วโคตรคนในตระกูลจู แท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ความประสงค์ของข้า แต่เป็นเรื่องที่กฎหมายระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ใน ‘เจิ้งเตี่ยน’ (กฎหมายฉบับหนึ่ง) ระบุเอาไว้ว่า ‘ผู้ที่อยู่วงศ์ตระกูลเดียวกับผู้ก่อกบฎจะต้องถูกประหารทั้งโคตรโดยไม่ละเว้น’ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมิอาจอภัยโทษให้คนในตระกูลจู มิฉะนั้นก็อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่อ๋ององค์ก่อนบัญญัติเอาไว้”
อ้ายจื่อพอฟังจบก็พยักหน้า ก่อนกล่าวต่อว่า “ข้าน้อยเองก็ทราบว่าฝ่าบาทไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องทำเช่นนี้ แต่ว่า ข้าน้อยเห็นว่าก็มีเรื่องที่น่าขบคิดอีกประการหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก องค์ชายอูทรยศต่อรัฐฉีของเรา ลงนามยกหานตัน* ให้กับรัฐฉิน ข้าน้อยเพียงสงสัยว่าองค์ชายอูมิใช่พี่น้องร่วมอุทรกับฝ่าบาทหรอกหรือ? ถ้าใช่ หากปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่นนั้นฝ่าบาทก็ต้องถือว่าเป็นคนในตระกูลกบฎ จำต้องได้รับโทษทัณฑ์เช่นเดียวกัน บังเอิญวันนี้ก่อนเข้าเฝ้า ข้าน้อยหยิบเชือกติดตัวมาด้วยเส้นหนึ่ง จึงขอส่งต่อให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เพื่อโปรดพิจารณาด้วยเถิด เพื่อมิให้การละเว้นชีวิตหนึ่งเป็นการทำลายหลักการและกฎหมายที่ท่านอ๋องพระองค์ก่อนได้บัญญัติเอาไว้”
พอฟังอ้ายจื่อกราบทูลจบ ฉีอ๋องก็ลุกขึ้นจากที่ประทับพร้อมกับกล่าวว่า “คงไม่ต้องรบกวนเชือกของท่าน ข้าเพียงละเว้นชีวิตคนตระกูลจูก็น่าจะจบเรื่องแล้วใช่หรือไม่”
เรียบเรียงจาก 《艾子后语》โดย ลู่จั๋ว (陆灼), ราชวงศ์หมิง
หมายเหตุ :
*หานตัน (邯郸) เมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญตั้งแต่ยุคชุนชิว (770 ปี – 221 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ปัจจุบันตั้งอยู่ในพื้นที่ทางใต้ของมณฑลเหอเป่ย