รอยเตอร์ส/เอเอฟพี - หลังจากการพบปะครั้งประวัติศาสตร์ของสองผู้นำสูงสุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ปักกิ่งและไต้หวันส่งสัญญาณกระชับความสัมพันธ์อีกครา ด้วยการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษคดีล้วงความลับที่ต่างถูกจองจำมานาน
แถลงการณ์ของทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเผย (30 พ.ย.) ว่า จีนได้ปล่อยตัวพันเอกจู กงซวิ่น และพันเอกสีว์ ฉังกั๋ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองแห่งกองทัพไต้หวัน ซึ่งถูกทางการจีนจับกุมฐานจารกรรมข้อมูลอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และต้องโทษจำคุกมาตั้งแต่ปี 2549
ส่วนทางไต้หวันก็ได้ปล่อยตัวนายหลี่ จื้อเฮ่า เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของจีน ที่ถูกคุมขังมานาน 16 ปี ภายใต้คำตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน
“เรื่องนี้ตั้งอยู่บนฐานของการแสดงท่าทีแห่งความเป็นมิตรไมตรี อันเป็นผลมาจากการพบกันของประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” นายชาร์ลส เฉิน โฆษกประจำทำเนียบฯ กล่าวในแถลงการณ์
“ประธานาธิบดีหม่าหวังว่ามิตรภาพและการแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบจะยังคงเดินหน้าต่อไป และนำไปสู่การบรรลุผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต”
ทั้งนี้ ผู้นำสูงสุดจากปักกิ่งและไต้หวันได้พบปะพูดคุยกันเป็นครั้งแรกในรอบ 66 ปี ขณะเข้าร่วมการประชุม ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ท่ามกลางการต่อต้านปักกิ่งที่เพิ่มขึ้นบนเกาะมังกรน้อย รวมถึงกระแสเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อาณาจักรมังกรถูกหั่นออกเป็นสองฟากฝั่ง นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองยุติลงในปี 2492 โดยพรรคคอมมิวนิสต์กำชัยชนะและขึ้นครองแผ่นดินใหญ่ ส่วนพรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้ถอยร่นมาตั้งหลักบนเกาะไต้หวัน อย่างไรก็ดี จีนยังคงถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน ขณะที่ไต้หวันกลับประกาศตัวเป็นอิสระจากจีน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงดำเนินไปอย่างตึงเครียด จนกระทั่งนายหม่า อิงจิ่ว จากพรรคก๊กมินตั๋ง ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีไต้หวันในปี 2551 เขาได้พยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ กระตุ้นการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างกัน แต่ก็ต้องผจญกับเสียงต้านทานที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยหวั่นกลัวการครอบงำของอิทธิพลจีน