ไต้หวันเลี่ยงผิดใจแดนซามูไร ลบภาพ ‘ธงกองทัพจักรวรรดิ’ ออกจากเครื่องบินรบสงครามโลก

เอเจนซี - ไต้หวันลบภาพ “ธงกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น” บนเครื่องบินรบ ที่จะโชว์ตัวในงานครบรอบ 70 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากเป็นห่วงเสียงท้วงติงของเจ้าหน้าที่แดนอาทิตย์อุทัย

พลตรีเดวิด โล โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมแถลง (30 มิ.ย.) ว่า จุดประสงค์แรกเริ่มของภาพธงกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น (rising sun flag) ที่วาดอยู่ด้านข้างเครื่องบินรบสองลำซึ่งจะจัดแสดงแก่ประชาชนในช่วงสุปดาห์นี้ คือการ “รื้อฟื้นความจริงทางประวัติศาสตร์” ของสงครามต่อต้านการรุกรานจากญี่ปุ่นที่กินเวลานานกว่า 8 ปี

“ความตั้งใจเดิมต้องการเตือนผู้คนให้ตระหนักถึงความโหดร้ายของสงครามและความสำคัญของสันติภาพ” โลอ้างภาพธงฯ ที่ถูกใช้เป็นตัวแทนเครื่องบินญี่ปุ่นจำนวนมากที่ถูกยิงตกโดย “ฟลายอิ้ง ไทเกอร์ส” (Flying Tigers) หน่วยสู้รบอาสาสมัครในช่วงสงคราม “แต่มันกลับถูกตีความไปในทิศทางอื่น … ซึ่งเรายินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างจริงจัง”

โฆษกฯ ระบุว่าภายหลังการพิจารณาทบทวนอย่างละเอียด สำนักงานใหญ่แห่งกองทัพอากาศไต้หวันตัดสินใจแก้ไขประเด็นดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดพลาดทุกประการ โดยเฉพาะกรณีเจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นในไต้หวันออกมาแสดงความวิตกกังวล

เครื่องบินรบทั้งสองลำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอากาศยานมากกว่า 60 ลำ และยานพาหนะมากกว่า 290 คัน ที่กองทัพไต้หวันขนมาแสดงภายในกิจกรรมรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองปีที่ 70 ซึ่งกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ (4 ก.ค.) ณ ฐานทัพเมืองซินจู๋ (Hsinchu) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของไต้หวัน

การเฉลิมฉลอง “ชัยชนะแห่งสงครามต่อต้านการรุกราน” และ “อิสรภาพจากการอยู่ภายใต้อาณานิคมญี่ปุ่น” ของรัฐบาลก๊กมินตั๋งที่จัดยาวเกือบสี่เดือนระหว่างวันที่ 4 ก.ค. - 25 ต.ค. ยังแฝงนัยยะพิเศษ โดยวันที่ 7 ก.ค. ถือเป็นวันครบรอบเหตุการณ์สะพานมาร์โค โปโล ที่เป็นชนวนก่อสงครามจีน-ญี่ปุ่น ส่วนวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันคืนสู่อิสรภาพของไต้หวัน

อดีตทหารผ่านศึกจำนวน 24 นาย ซึ่งต่อสู้ในสงครามต่อต้านฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้แทนและสถานทูตของประเทศต่างๆ บนเกาะไต้หวัน ก็ได้รับคำเชิญเข้าร่วมงานด้วย โดยนายโลเผยว่าส่งบัตรเชิญแก่เจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นกับมือของตัวเอง ขณะมีการเยี่ยมเยือนกระทรวงฯ ในสัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่แน่นอนว่าพวกเขาจะตบเท้าร่วมงานหรือไม่

ประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองซึ่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายปราชัย ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนถึงจีนแผ่นดินใหญ่ที่เวลานั้นถูกปกครองโดยรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ด้วยก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองแดนมังกร ทำให้กองทัพก๊กมินตั๋งต้องถอยร่นไปยังเกาะไต้หวัน

นับแต่นั้นเป็นต้นมาจีนและไต้หวันก็แบ่งแยกการปกครองออกจากกัน ฝั่งหนึ่งชูธงระบอบสังคมนิยม ส่วนอีกฝั่งก็ยืนหยัดการเป็นประชาธิปไตยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทว่าปักกิ่งที่ก้าวเป็นมหาอำนาจตนหนึ่งของโลกก็ขู่เตือนไต้หวัน ว่าวันหนึ่งต้องกลับมารวมเป็นทองแผ่นเดียวกันภายใต้การนำของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) แม้จะต้องใช้กำลังก็ตาม