รอยเตอร์ส - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกระตุ้นลูกน้องในทิเบตเป็น “ป้อมปราการ” สกัดกั้นลัทธิแบ่งแยกดินแดน และสร้างความมั่นใจว่าเอกสิทธิเรื่องข้อมูลของพรรคคอมมิวนิสต์จะอยู่ยั่งยืนยง
เมื่อไม่นานนี้ปักกิ่งเพิ่งจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ของการก่อตั้งเขตปกครองตนเองทิเบต ดินแดนที่จีนกล่าวเสมอมาว่าได้รับอิสระอย่างสันติตั้งแต่ปี 2493 รวมถึงความเจริญมั่งคั่งและความเท่าเทียมกันผ่านนโยบายและการพัฒนาด้านต่างๆ จากรัฐบาลกลาง
ทว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนและชาวทิเบตพลัดถิ่นบางส่วนก็แย้งกลับว่าจีนปกครองทิเบตด้วยมาตรการ ‘กำปั้นเหล็ก’ ที่กดดันประชาชนผู้นับถือศาสนาพุทธอย่างมากจนนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรงหรือการประท้วงต่อต้านอำนาจผู้นำจีนอยู่หลายครั้งหลายครา
วานนี้ (22 ต.ค.) หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี กระบอกเสียงพรรคฯ ได้ตีพิมพ์บทความของนายเฉิน ฉวนกั๋ว หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งระบุว่าปัจจุบันไม่มีอะไรอันตรายไปกว่าการเกิดความวุ่นวายในทิเบต ด้วยเหตุว่าความมั่นคงทั้งหมดของจีนได้ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพและความมั่นคงของทิเบตเช่นเดียวกัน
นายเฉินชี้ว่าองค์ประกอบสำคัญคือการเตรียมความพร้อมแก่เจ้าหน้าที่รัฐชาวจีนฮั่นและชาวทิเบตผู้จงรักภักดีเปี่ยมด้วยสติปัญญาความสามารถ ซึ่งประจำการอยู่ในทุกอำเภอและหมู่บ้านทั่วเขตปกครองฯ
“สรรสร้างองค์กรพรรคฯ ระดับรากหญ้าที่ตอบสนองมวลชน เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพ และต้านทานลัทธิแบ่งแยกดินแดน”
นอกจากนั้นพรรคฯ ต้องควบคุมการแสดงความคิดเห็นของสาธารณะ สื่อมวลชน และอินเทอร์เน็ต เพื่อความมั่นคงของระบบความคิดอันเป็นรากฐานของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
“ทำงานอย่างหนักเพื่อปลูกบ้านแห่งจิตวิญญาณสำหรับทุกชาติพันธุ์ มุ่งสร้างพลังเชิงบวกอันเข้มแข็งเพื่อทิเบตที่สวยงาม สามัคคีเป็นหนึ่ง และยึดถือหลักสังคมนิยมอย่างเป็นสุข”
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าแปลกใจว่าเฉินไม่ได้กล่าวถึงองค์ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบตอย่างชัดถ้อยชัดคำนัก โดยระบุเพียงว่าการต่อสู้กับลัทธิแบ่งแยกดินแดนได้ก้าวหน้าอย่างชัดเจนแล้วในเวลานี้
ปักกิ่งนั้นมักกล่าวหาองค์ทะไล ลามะ ซึ่งพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดไปยังประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2502 หลังจากล้มเหลวจะปลุกระดมมวลชนต่อต้านอำนาจการปกครองของรัฐบาลจีน ว่าเป็นต้นตอของเหตุการณ์ความไม่สงบ รวมถึงกรณีการจุดไฟเผาตัวเองในทิเบต
แต่องค์ทะไลก็ปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าพระองค์ต้องการแบ่งแยกทิเบตออกเป็นรัฐอิสระด้วยการยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา โดยพระองค์แสดงทัศนะว่าต้องการเพียง “ความเป็นอิสระที่แท้จริง” แก่ประชาชนชาวทิเบตเท่านั้น