เดอะเปเปอร์ สื่อจีนรายงานว่า (9 ก.ย.) เซี่ยงไฮ้เตรียมออกกฎหมายคุ้มครองพลเมืองดี ฟื้นสำนึกจิตอาสา ช่วยเหลือผู้อื่นในสถานการณ์คับขัน ไม่ให้ซ้ำรอยกรณีเศร้าสลดผู้คนเดินผ่านไม่แยแสช่วยเหลือหนูน้อยวัย 2 ขวบที่ถูกรถทับ
สภาประชาชนแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้กำลังพิจารณากฎหมาย ยกเว้นความรับผิดให้แก่พลเมืองดี ที่เข้าช่วยเหลือผู้อื่นในสถานการณ์คับขัน เพื่อสนับสนุนให้ผู้เห็นเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือคนแปลกหน้า โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนเจ้าตัวย้อนกลับมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จนทำให้ต้องแสร้งเดินผ่านไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
กฎหมายพลเมืองดีนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลดเปลื้องภาระความรับผิดชอบทางกฎหมาย อันเป็นผลมาจากการยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนอื่น โดยพลเมืองดีที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิดจะต้องมีความรู้ทางการแพทย์ และมีหนังสือรับรองคุณวุฒิ
ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนออนไลน์บ่งชี้ว่า ชาวเซี่ยงไฮ้จำนวน 92 เปอร์เซ็นต์ต่างสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ โดยคาดหวังว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติของประชาชนที่มีต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และช่วยสนับสนุนพลเมืองดีในสังคมจีน
ถัน ชิวกุ้ย ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชนชาติแห่งจีน (Minzu University of China) ระบุว่า จีนยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองพลเมืองดีระดับประเทศ จึงตกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นที่จะออกกฎหมายบังคับใช้ในพื้นที่ของตนเอง โดยที่ผ่านมา หลายเมืองได้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว เช่น เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง และเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกว่างตง
รายงานระบุว่า ศาลมักผลักภาระการพิสูจน์ความบริสุทธิ์แก่พลเมืองที่ถูกฟ้องร้อง เช่น คดีที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2552 คนขับรถชื่อว่า นายสี่ว์ อวิ๋นเหอ ยื่นมือช่วยเหลือหญิงชราผู้หนึ่งในเมืองเทียนจิน แต่แม่เฒ่ากลับอ้างว่า นายสี่ว์ชนตน และศาลสั่งให้นายสี่ว์จ่ายเงินชดเชยให้จำนวน 1 แสนหยวน ด้วยเหตุผลว่า ถ้าเขามิได้เป็นคนทำ เขาก็ไม่น่าจะต้องเข้าไปช่วยเหลือ
นอกจากนี้ในปี 2557 ยังมีกรณีของนายอู๋ เหว่ยชิง วัย 46 ปีชาวเมืองตงหยวน มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ทางภาคใต้ของจีน ชายพลเมืองดีตัดสินใจปลิดชีวิต เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง หลังจากเข้าช่วยเหลือชายชรา ซึ่งถูกรถชนล้มลงกลางถนน แต่สุดท้ายกลับถูกชายชราและครอบครัวกล่าวหา เป็นผู้กระทำผิด พร้อมกับเรียกค่ารักษาพยาบาลสูงจนเกินปัญญาที่เขาจะให้ได้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายพลเมืองดีฉบับใหม่นี้ เป็นเพียงการเริ่มต้นของการฟื้นสำนึกจิตอาสาของผู้คนในสังคมให้กลับคืนมา และช่วยคลายความหวาดกลัวและกังวลของผู้คนในการจะยื่นมือช่วยเหลือกัน ไม่ให้ซ้ำรอยการเสียชีวิตของ เสียวเย่ว์เย่ว์ หนูน้อยถูกรถทับ ท่ามกลางผู้คนเดินผ่านไปมา ไม่คิดสนใจช่วยเหลือ เพราะกลัวถูกฟ้องตลบหลัง