เอเจนซี - หลังจากต่อสู้กับประเพณีรับประทานเนื้อสุนัขของชาวจีนมณฑลก่วงซีจนกำชัยชนะบางส่วน นักรณรงค์สิทธิสัตว์ได้รักษาชีวิตสุนัขมากกว่าพันตัวในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา แต่ชะตากรรมของเพื่อนสี่ขากลับไม่ราบรื่นสวยงามอย่างที่คิดนัก ด้วยการหลบลี้หนีภัยสู่ศูนย์พักพิงในเซี่ยงไฮ้กลายเป็นความทุกข์ทรมานรอบใหม่ของชีวิต
เทศกาลรับประทานเนื้อสุนัขแกล้มเหล้าขาวและลิ้นจี่จัดขึ้นเป็นประจำช่วงปลายเดือนมิ.ย. ของปี ณ เมืองอี้ว์หลิน เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง มณฑลก่วงซีทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยเริ่มเป็นจุดสนใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์โขกสับจากสาธารณชนทั้งในและนอกประเทศในช่วงสองสามมานี้ ด้วยคาดการณ์กันว่ามีสุนัขต้องสังเวยชีวิตมากกว่า 10,000 ตัว
ในปี 2558 ศูนย์พักพิงและปกป้องสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่งในมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งดูแลสุนัขราว 400 ตัว ที่ช่วยชีวิตมาจากเทศกาลฯ เมื่อปีก่อนนั้น ก็พบกับสมาชิกใหม่อีกเกือบ 1,400 ตัว ที่กลุ่มนักรณรงค์สิทธิสัตว์ช่วยกันควักกระเป๋าไถ่ชีวิตพ้นจากการแล่เนื้อเถือหนังในโรงฆ่าสัตว์
อย่างไรก็ดีชีวิตที่ศูนย์พักพิงฯ กลับกลายเป็นความขมขื่น อาสาสมัครคนหนึ่งเล่าว่าสุนัขทยอยล้มตายลงทุกวันนับตั้งแต่พวกมันมาถึงศูนย์ฯ โดยประเมินว่าอาจเป็นเพราะสภาพการเดินทางไกลจากเมืองอี้ว์หลินที่กินเวลานานกว่า 35 ชั่วโมง ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคไข้หัดสุนัข (canine distemper) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุด
“สุนัขบางตัวตายก่อนจะเดินทางถึงศูนย์ฯ ด้วยซ้ำ ร่างไร้วิญญาณเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในกรงขังคับแคบ” อาสาสมัครอีกคนกล่าว “ยอดตายจากโรคไข้หัดสุนัขก็มีจำนวนมาก … บางส่วนก็จำเป็นต้องหาบ้านหลังใหม่ได้แล้ว”
เรฟเฟอร์เรนซ์ นิวส์ (Reference News) หนังสือพิมพ์จีนรายงานว่าหลังจากผ่านพ้นไปสองเดือนเศษ จำนวนสุนัขหน้าใหม่ที่ศูนย์ฯ คงเหลืออยู่เพียง 400 ตัวเท่านั้น
ฉัง ฟั่น หนึ่งในทีมอาสาสมัครบอกว่า ตอนผู้คนหันมาสนใจประเด็นการทารุณสัตว์จากเทศกาลกินหมาในเดือนก.ค. ศูนย์พักพิงฯ ได้รับเงินทุน ความช่วยเหลือจากอาสาสมัครและสัตวแพทย์นับสิบ รวมถึงอาหารหลั่งไหลมาจากทุกทิศทั่วประเทศ แต่พอเชื้อไฟมอดไหม้ดับลงก็เหลืออาสาสมัครประจำแค่สามคนที่ต้องพบอุปสรรคเรื่องรายได้เลี้ยงศูนย์พักพิงฯ
“แม้ว่าหนีพ้นเงื้อมมือมัจจุราชแต่ใช่ว่าอนาคตของสุนัขจะสดใสสวยงาม”
