เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์---สินทรัพย์ในตลาดหุ้นของเจ้าสัวแดนมังกรที่มั่งคั่งที่สุดในเอเชีย ลดฮวบ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำสถิติโลกในกลุ่มผู้สูญเสียทรัพย์มากที่สุดเมื่อวันจันทร์ (24 ส.ค.) หรือ “แบล็คมันเดย์” วันที่ตลาดหุ้นจีนดิ่งมากที่สุดนับจากปี 2550 ขณะที่กระแสขายทิ้งหุ้นระบาดไปทั่วโลก
จากข้อมูลดัชนีผู้มั่งคั่งบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) ระบุ นายหวัง เจี้ยนหลิน อภิมหาเศรษฐีสัญชาติจีน เจ้าของวั่นต๋า กรุ๊ป แห่งเมืองต้าเหลียน และผู้ครองแท่นผู้มั่งคั่งที่สุดในเอเชีย เสียทรัพย์ไปเป็นมูลค่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อหุ้น Dalian Wanda Commercial Properties ที่จดทะเบียนในฮ่องกง ดิ่งเหวลงไป 17 เปอร์เซนต์ นับเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เปิดการขายหุ้นแก่สาธารณะในเดือนธ.ค. หวังยังขาดทุนอีกเกือบ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากหุ้น Wanda Cinema Line ในเซินเจิ้น ซึ่งตกไป 10 เปอร์เซนต์เมื่อวานนี้ พิษตลาดหุ้นในวัน “แบล็คมันเดย์” ทำให้สินทรัพย์ของหวัง หายวับไปจม เหลืออยู่ที่ 31,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตลาดหุ้นจีนตกระเนระนาด เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่มีน้ำยาพอที่จะฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งยังพ่นพิษฉุดตลาดหุ้นในอาณาบริเวณ ดิ่งพสุธาลงไปด้วย
วิกฤตลาดหุ้นครั้งนี้ ส่งผลต่อตลาดหุ้นอื่นๆ ดูดสินทรัพย์ออกจากกระเป๋าของบรรดาอภิมหาเศรษฐีโลก 400 คน รวมกันทั้งสิ้น 124,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอภิมหาเศรษฐี 24 คน ที่สูญทรัพย์ไป มากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันจันทร์ สินทรัพย์ของนาย บิลล์ เกต ยุบไป 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลงมากที่สุดรองจากหวัง เจี้ยนหลิน มูลค่าสินทรัพย์ของผู้ก่อตั้ง Inditex Saนาย Amancio Ortega หายไป 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นผู้ที่ขาดทุนมากที่สุดในยุโรป
Carlos Slim แห่งเม็กซิโก ก็โดนพิษ “แบล็คมันเดย์” หั่นตัวเลขสินทรัพย์ไป 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ แตะระดับตกต่ำที่สุดตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีฯนี้มา
กลุ่มมหาเศรษฐีเอเชีย ได้รับผลกระทบแรงที่สุด เมื่อดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Composite Index) ปิดลง 8.5 เปอร์เซนต์ เมื่อวานนี้
ในสามเดือนมานี้ มูลค่าของสินทรัพย์ของบรรดาอภิมหาเศรษฐีเอเชีย ร่วงหล่นหายไป 1 ใน 5 คิดเป็นตัวเลข 54,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นับจากวันทีเปิดการค้าในวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลุ่มเจ้าสัวใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ ขาดทุนย่อยยับ มากว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 6 เปอร์เซนต์ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมของพวกเขา
มูลค่าสินทรัพย์ของกลุ่มมหาเศรษฐีอินเดีย ก็ร่วงกระจาย เท่ากับ 6.6 เปอร์เซนต์ของความมั่งคั่งโดยรวมของพวกเขา
“ขณะนี้ใครต่อใครต่างก็มองตลาดหุ้นในแง่ร้ายอย่างสุดโต่ง” เอมี่ หลิน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ Capital Securities ในมหานครเซี่ยงไฮ้
