เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักธุรกิจจีนแห่ลงทุนต่างแดน สนองนโยบายเส้นทางค้าไหมยุคใหม่ของรัฐบาลปักกิ่ง ส่งผลให้ยอดลงทุนในต่างประเทศพุ่งพรวดร้อยละ 47.4 ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ และเพิ่มถึง 3 เท่าจากเมื่อปีที่แล้ว
จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์จีน ยอดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจีน ซึ่งไม่รวมภาคการเงิน มีมูลค่าสูงถึง 278,400 ล้านหยวน ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. 2558 ซึ่งน้อยกว่าการลงทุนของต่างชาติในจีนเพียงร้อยละ 16 โดยการลงทุนโดยตรงในจีนของต่างชาติโตร้อยละ 10.5 เป็น 331,000 ล้านหยวน
เมื่อปีที่แล้วการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทนอกภาคการเงินของจีนโตร้อยละ 14.1 จากเมื่อปี 2556 เป็น 102,900 ล้านหยวน
นายเส้า อี้ว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทหลักทรัพย์โอเรียนต์ ( Orient Securities) ระบุว่า รัฐวิสาหกิจและบริษัทภาคเอกชนบนแผ่นดินใหญ่มีการเคลื่อนไหวลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งประกาศโครงการสร้างแนวเศรษฐกิจเส้นทางค้าไหม ( Silk Road Economic Belt) และเส้นทางค้าไหมทางทะเลศตวรรษ ที่ 21 ( the 21 st Century Maritime Silk Road) เมื่อปีที่แล้ว โครงการดังกล่าวคาดว่าจะทำให้เม็ดเงินสะพัดหลายแสนล้านดอลลาร์ในการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกว่า 60 ชาติที่อยู่บนเส้นทางค้าไหมนี้
ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 นักลงทุนจากแผ่นดินใหญ่ทุ่มเงินจำนวน 4,860ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 48 ประเทศบนเส้นทางค้าไหม โดยมีสิงคโปร์ อินโดนีเชีย และลาว เป็นจุดหมายการลงทุนสำคัญ
จากผลการศึกษาของ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ( Economist Intelligence Unit) ระบุว่า ภายในปี 2560 เงินลงทุนโดยตรงในต่างแดนของจีนจะพุ่งสูงกว่าเงินลงทุนจากต่างชาติ ที่เข้ามายังแดนมังกร
นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ฮ่องกงยังคงเป็นเป้าหมายการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของนักลงทุนจากแผ่นดินใหญ่ รองลงมาคือชาติในอาเซียน และสหภาพยุโรป
นอกจากนั้น นักลงทุนจะยังคงใช้ฮ่องกงเป็นบันไดสำหรับก้าวไปทำธุรกิจในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป เนื่องจากฮ่องกงมีบรรยากาศการลงทุน ที่มีศักยภาพอีกด้วย