เอเจนซี - กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง หรือไอซิส (ISIS) เผยแพร่คลิปวีดีโอใหม่ล่าสุด แสดงภาพนักรบรุ่นคุณปู่ วัย 80 ปี ที่อ้างว่าหลบหนีออกมาจากประเทศจีน แถมด้วยกลุ่มเด็กชาวอุยกูร์ที่ออกโรงขู่ทวงคืนแผ่นดิน
สื่อต่างประเทศรายงาน (5 มิ.ย.) ว่า คลิปวีดีโอดังกล่าวเป็นภาพของนายมูฮาหมัด อามิน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสมาชิกรายหนึ่งของชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ ที่ครองสัดส่วนร้อยละ 45 ของประชากรในเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกของจีน
อามินให้สัมภาษณ์กับเพื่อนนักรบอีกคนว่า เขาและครอบครัวอันประกอบด้วยภรรยา ลูกสาว และหลานชาย 4 คน หนีออกมาจากประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมและสู้รบเคียงข้างกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอิรักและซีเรีย โดยการตัดสินใจเกิดจากเขาเห็นคลิปวีดีโอที่ลูกชายถูกสังหารระหว่างการต่อสู้ในซีเรีย
“ผมต้องกลายเป็นเหยื่อของการกดขี่ข่มเหงในเตอร์กิสถาน ที่ตกไปอยู่ในอุ้งมือของจีน … เป็นเวลานานกว่า 60 ปี” อามินอ้างถึง ‘เตอร์กิสถาน’ ซึ่งเป็นคำนิยามเขตปกครองตนเองซินเจียงฯ ของจีน ที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนชาวอุยกูร์ใช้กล่าวแทน
ปู่นักรบยังเล่าถึงความยากลำบากของการเดินทางสู่ซีเรีย ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกไอซิสยึดครองไว้ได้ โดยอามินเข้ารับการฝึกหัดเป็นนักรบ เขาคุยโวว่าได้ทำเกือบทุกอย่างและจบสิ้นการฝึกฝนอย่างดีเยี่ยมจนได้รับรางวัล โดยบางส่วนของคลิปฯ จะเห็นอามินถืออาวุธปืนเอเค-47 อยู่ด้วย
“เดี๋ยวนี้ผมเดินเท้าได้ไกลมากกว่า 2 กิโลเมตรแล้ว” อามินกล่าว
อย่างไรก็ดี อามินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมสนามสู้รบจึงทำได้เพียงประจำการอยู่ที่ฐานกำลังเท่านั้น
ขณะเดียวกันคลิปวีดีโอยังเผยภาพห้องเรียนที่เต็มไปด้วยกลุ่มเด็กชาวอุยกูร์ ซึ่งให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเดินทางมายังรัฐอิสลามแห่งนี้ โดยเด็กชายคนหนึ่งร้องเพลงสรรเสริญการเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์ (martyrdom) ต่อหน้ากล้อง และอีกคนก็พูดบางสิ่งส่งตรงถึงรัฐบาลแดนมังกร
“พวกคนจีนผู้ไร้ซึ่งศรัทธา รู้ไว้ด้วยว่าเรากำลังตระเตรียมตัวอย่างพร้อมพรรคอยู่บนดินแดนของเคาะลีฟะฮ์ (Khalifah) และเราจะไปหาคุณ ไปยกธงผืนนี้บนแผ่นดินเตอร์กิสถาน”
นายแอนโทนี จีลส์ ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองศึกษา มหาวิทยาลัยบักกิงแฮมของอังกฤษ ออกความเห็นว่า คลิปวีดีโอดังกล่าวดูเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ที่มุ่งเป้าชาวอุยกูร์เป็นหลัก
“ชัดเจนว่าเป็นคำพูดเสริมกำลังใจชาวมุสลิมในทุกหนแห่ง ภาพของกองทหารราบและชายชราผู้นี้ ที่ฟันฝ่าข้ามผืนดินรกร้างสู่ไอซิสเป็นอะไรที่ล้าสมัยเอามาก แถมไม่ปรากฏการสู้รบด้วยเทคโนโลยีระดับสูงเลยด้วยซ้ำ”
“ทั้งหมดทั้งมวลของคลิปวีดีโอคือ ไอซิสกำลังทำสงคราม ‘ครูเสด’ ในทางตรงกันข้าม ชาวมุสลิมแห่จากทั่วทุกมุมมาต่อสู้เพื่อรัฐเคาะลีฟะฮ์”
“คลิปฯ นี้ทำให้หน่วยความมั่นคงจีนอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน พวกเขาเผชิญภัยคุกคามญิฮาดอย่างแท้จริง และทุกสิ่งที่จะจุดชนวนร้อนต่อชาวอุยกูร์คงก่อให้เกิดความวิตกกังวลครั้งใหญ่ … ความหวาดกลัวอาจมากกว่าเหตุโจมตีของชาวอุยกูร์ในประเทศจีน”
ทั้งนี้ทางการจีนพยายามยืนยันตลอดว่า ชาวอุยกูร์ในจีนได้แอบเดินทางไปยังซีเรียและอิรัก เพื่อเข้าร่วมกลุ่มไอซิสและลัทธิสุดโต่งอื่นๆ ก่อนกลับมาสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบในซินเจียงเพื่อต่อต้านการปกครองของรัฐบาล และสุมทุมความวุ่นวายตลอดจนความรุนแรง ซึ่งบางครั้งก็แพร่กระจายทั่วแผ่นดินจีน
ปัญหาการก่อการร้ายเหล่านี้จึงกระตุ้นให้เกิดมาตรการปราบปรามอันเข้มงวดกวดขันจากรัฐบาลจีน นำไปสู่การจับกุม “แก๊งก่อการร้าย” ต้องสงสัยทั้งสิ้น 181 กลุ่ม ในปี 2557 และคาดว่าความเข้มข้นจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามระดับสถานการณ์
รอบสองปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จีนได้เข็นคำสั่งต่างๆ ออกมาบังคับใช้ในซินเจียง ไม่ว่าจะสั่งให้ร้านค้ามุสลิมจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลและบุหรี่ ห้ามการสวมใส่ผ้าคลุมศีรษะอันเป็นหลักปฏิบัติทางศาสนาในที่สาธารณะ หรือจำคุกชายมุสลิมเป็นเวลา 6 ปี ฐานไว้หนวดเครา รวมถึงเผาทำลายไม้ขีดไฟกว่า 1 แสนกล่อง