รอยเตอร์ส - จีนเผยกระแสเงินทุนไหลออกนอกประเทศสูงสุดในรอบสองปี ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง
รายงานข่าว (22 เม.ย.) อ้างข้อมูลจากธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์จีน ระบุยอดการจำหน่ายเงินตราต่างประเทศในเดือนมี.ค. คิดเป็นมูลค่ากว่า 156,500 ล้านหยวน หรือราว 782,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดตั้งแต่เดือนเดียวกันของปี 2556
ยอดสุทธิของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศข้างต้นเกิดขึ้นตามหลังยอดซื้อสุทธิ 42,200 ล้านหยวน (ราว 211,000 ล้านบาท) ของเดือนก.พ. และยอดจำหน่ายสุทธิ 108,300 ล้านหยวน (ราว 541,500 ล้านบาท) ของเดือนม.ค.
ในอดีตการไหลบ่าเข้ามาของเงินทุนถือเป็นช่องทางหลักของธนาคารประชาชนจีน สำหรับการบริหารสภาพคล่องของสกุลเงินหยวนต่อเศรษฐกิจ แต่คลื่นเงินทุนที่หลากออกไปในช่วงหลายเดือนมานี้กลับเป็นงานหินของธนาคารกลางจีนที่ต้องรักษาปริมาณเงินให้เพียงพอ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวผสมรวมข้อมูลที่ระบุอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีน ไตรมาสแรกปี 58 หดตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี จึงเป็นเหตุผลเบื้องหลังความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีน ที่ประกาศปรับลดมาตรการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) ลงร้อยละ 1 เมื่อวันอาทิตย์ (19) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มีรายงานว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลดลง 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปอยู่ที่ 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก หลังจากไตรมาสก่อนหน้านั้นก็ลดลงกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ข้อมูลอีกชุดเผยว่า ยอดการระดมทุนโดยรวมอันลือชื่อของจีน ที่จัดเป็นมาตรการจัดการสภาพคล่องในเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 จากปีก่อน ดีดขึ้นไปอยู่ที่ 127.52 ล้านล้านหยวนในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. โดยขยายตัวราวร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับยอดการระดมทุนฯ เมื่อสิ้นปี 57 ซึ่งอยู่ที่ 122.86 ล้านล้านหยวน
ทว่าความเร็วของการขยับขยายสภาพคล่องนั้นยังเชื่องช้ากว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 7 โดยทางการจีนพยายามหาทางลดความเสี่ยงของเงินทุนที่หลั่งไหลออกไป ด้วยเน้นย้ำการปรับเพิ่มการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ในกลุ่มบริษัทและเอกชนภายในประเทศ