พิพิธภัณฑ์ลูกกตัญญูเพียงหวังกระตุ้นให้ลูกเหลียวแลพ่อแม่

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ -จีนสร้างพิพิธภัณฑ์ลูกกตัญญู หวังโน้มน้าวให้ประชาชนดูแลเอาใจใส่บิดามารดายามเจ็บป่วย หรือแก่เฒ่า แต่หลายคนกลับมองว่า รัฐบาลกำลังผลักภาระการดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ

พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมลูกกตัญญูสมัยใหม่ ( Modern Filial Piety Culture Museum) ตั้งอยู่ในเมืองกู่อี้ มณฑลเสฉวน ก่อสร้างโดยนายเหลียว หลิน นักธุรกิจด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นช่วยออกให้ส่วนหนึ่ง เป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบโบราณ ซึ่งก่อสร้างด้วยอิฐสีเทาและมีลานกว้าง โดยภายในอาคารจัดแสดงนิทรรรศการของบุคคลกว่า 12 คน ซึ่งเป็นเยี่ยงอย่างขอลูกกตัญญูในยุคสมัยใหม่

ยกตัวอย่างเช่น นายหวัง ชุนไหล อาชีพตำรวจ เขาดูแลพยาบาลพ่อกับแม่ที่ล้มป่วยมานานปี โดยฉีดยาและบริจาคโลหิตให้กับท่านทั้งสอง

“ ชายผู้นี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของลูกผู้มีความกตัญญู” เจิ้ง เหยียน อาสาสมัครของพิพิธภัณฑ์กล่าว ขณะยืนอยู่ด้านหน้าเตียงเก่าคร่ำคร่าและหม้ออุจจาระ ซึ่งนายหวังบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ ภายหลังการสิ้นชีวิตของผู้บังเกิดเกล้า

พิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงเรื่องราวของลูกคนอื่น ๆ ที่คอยปรนนิบัติพ่อแม่อย่างน่ายกย่องไม่แพ้กัน เช่นเด็กหญิง วัย 8 ขวบผู้หนึ่ง ที่ดูแลแม่ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต ชายผู้มีอาชีพครูสอนหนังสือ ซึ่งพาแม่ ที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ไปกับเขาในทุกหนแห่ง

นอกจากนั้น ยังจัดแสดงรถเข็น 2 ล้อสีน้ำเงินเหลือง พาหนะ ที่ลูกชายยอดกตัญญู 2 คน ผลัดกันเข็นรถให้แม่นั่ง เดินทางไปเที่ยวทั่วประเทศกว่า 600 เมืองตามความปรารถนาของนาง กระทั่งรองเท้าของลูกชายทั้งสองขาดไป 12 คู่

ภายในพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงแผ่นป้ายคำแนะนำ ซึ่งมีรูปภาพของประธานาธิบดีสี จิ้งผิงและรูปของขงจื่อ พร้อมข้อความของประธานาธิบดีสี ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนปัจจุบัน ที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่พรรคอ่าน “มาตรฐานสำหรับการเป็นบุตรและศิษย์ที่ดี” (The Standards for Being a Good Pupil and Child) ซึ่งเป็นการรวบรวมคำสั่งสอนของขงจื่อ เกี่ยวกับความกตัญญูต่อบิดามารดา

การเคารพบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่เป็นเสาหลักของวัฒนธรรมจีนมานานนับพันปี แต่หลายคนเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วตลอด 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมากำลังกัดกร่อนเสาต้นนี้ เมื่อประชากรหลายร้อยล้านคนต้องละทิ้งพ่อแม่ เพื่ออพยพไปหางานทำในต่างถิ่น

อย่างไรก็ตาม แนวคิดจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ลูกกตัญญูถูกหลายคนมองว่า เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด โดยมองว่า ปัญหานี้ควรแก้ไขโดยรัฐบาลควรจัดสวัสดิการและระบบการดูแลผู้สูงอายุอย่างดีและครอบคลุมทั่วถึงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนระบุเมื่อปีที่แล้วว่า รัฐมีเตียงรองรับสำหรับผู้สูงอายุเพียง 25 เตียงต่อพลเมืองสูงอายุ 1,000 คน ขณะที่ระบบประกันสุขภาพแทบไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

นายหง จัง นักวิจัยของคอลบี คอลเลจ ( Colby Collage) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า ครอบครัวชาวจีนมากมายในยุคปัจจุบันกำลังมองหาวิธีการใหม่ ๆ ในการตอบแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด เนื่องจากวิถีชีวิตและสภาพสังคม ที่เปลี่ยนไปทำให้ครอบครัวคนจีนมีขนาดเล็กลงและไม่อาจอยู่พร้อมหน้ากันได้

นายเหลียว ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เองก็ยอมรับว่า รัฐบาลยังจัดสรรระบบสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนในประเทศอย่างไม่เพียงพอ และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คงไม่สามารถแก้ปัญหาผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งได้ แต่เขายังหวังว่า อย่างน้อย ๆ ผู้คนจะได้เห็นตัวอย่างของลูกกตัญญูที่สมบูรณ์แบบ และอาจเกิดแรงบันดาลใจ ที่จะเอาใจใส่ดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าให้มากขึ้น

“ พวกเขาอาจสำนึกผิด ที่ไม่ได้ดูแลพ่อแม่อย่างดีพอ และกลับไปบ้าน เพื่อล้างเท้าให้ท่าน ผลทำนองนี้เป็นสิ่งที่เราหวังว่าจะเกิดขึ้น” นายเหลียวกล่าว