เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผลการศึกษาระบุ คนรวยระดับปานกลางบนแดนมังกรจะมั่งคั่งกว่าคนกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ อีก 2 เท่า ภายในปี 2563 หรือ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
คนรวยระดับปานกลางนี้หมายถึงครัวเรือนที่มีสินทรัพย์ทางการเงิน (financial asset) ระหว่าง 100,000 - 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากรายงานของ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit) ซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำปรึกษา โดยได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารซิตี้ ระบุว่า คนกลุ่มนี้ ซึ่งรายงานเรียกว่า ผู้สร้างความมั่งคั่งใหม่ (the new wealth builders หรือ NWB) เป็นกลุ่ม ที่มีความมั่งคั่งเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก โดย NWB ในสหรัฐฯ เคยครองอันดับหนึ่งในปี 2557 ด้วยสินทรัพย์ทางการเงินจำนวน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจีนครองอันดับ 2 จำนวน 19.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รายงาน ซึ่งวิเคราะห์แนวโน้มใน 32 ประเทศระบุว่า การแซงหน้าของจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก เนื่องมาจากความได้เปรียบในแง่จำนวนประชากร และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง
คาดว่า สินทรัพย์ของ NWB ในจีนจะพุ่งสูงถึง 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 หรือเกือบ 2 เท่าของสหรัฐฯ ซึ่งมาเป็นอันดับ 2 จำนวน 27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งเฉลี่ยต่อครัวเรือน NWB ในสหรัฐฯ (491,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) จะยังคงสูงกว่าจีน (319,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ )
รายงานยังระบุด้วยว่า ตามปกติแล้ว NWB ไม่คิดว่า ตนเองเป็นคนรวย และความมั่งคั่งของคนเหล่านี้มาจากลำแข้งของตนเอง มิใช่มรดก
“พวกเขาใจคอกว้างขวาง… และลงทุนอย่างมีสติ” รายงานระบุ
ยกตัวอย่างเช่น นายเดวิด อู๋ เจ้าของโรงงานปูนซีเมนต์ 2 แห่ง วัย 40 ปี ในมณฑลเจียงซู เขาหวังว่า ความมั่นคั่งของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า มิใช่เติบโตพรวดพราด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
นอกจากนั้น นายอู๋กำลังเปลี่ยนโรงงานทั้งสองแห่งมาทำเป็นโรงกำจัดขยะและน้ำทิ้งจากบ้านเรือน เพื่อสนองนโยบายของคณะผู้บริหารกรุงปักกิ่ง ที่เรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
เขาเล่าว่า เขานำทรัพย์สิน ที่มีอยู่ 1 ใน 3 ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเลือกลงทุนในกองทุนรวม หรือผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งอื่น ๆ ของธนาคาร ซึ่งนำเงินไปลงทุนในประเทศ ที่เขาเชื่อมั่นในด้านกฎหมาย เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และสิงคโปร์
โจนาทาน ลาร์เซน หัวหน้าฝ่ายการธนาคารเพื่อธุรกิจรายย่อยและฝ่ายการธนาคารเพื่อการบริโภคประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของซิตี้ระบุว่า NWB เป็นปรากฏการณ์ ที่มีความสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก โดยเป็นผู้ขับเคลื่อนการเติบโตของเงินออม และกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้แผ่ทั่วไปมากขึ้น
รายงานฉบับนี้ระบุว่า กลุ่ม NWB ทั่วโลกมีความมั่งคั่งรวมกันมากกว่า 88 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของความมั่งคั่งในกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง (high-net-worth segment) ซึ่งหมายถึงผู้มีสินทรัพย์เกินกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ