ท่านเจ้าสัวมีบุตรชายที่ทั้งไร้เดียงสาและเบาปัญญา ตลอดเวลา 30 ปีที่บุตรชายผู้นี้เติบโตมา ไม่ว่าจะประกอบกิจวัตร หรือการงานใดล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาบิดาทั้งสิ้น เมื่อถึงเวลากินข้าวบุตรชายผู้นี้ก็ได้แต่อ้าปาก เมื่อถึงเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบุตรชายผู้นี้ก็ได้แต่ยืดแขนกางขาออก
ปีนี้ท่านเจ้าสัวอายุ 50 ปีแล้ว ส่วนภรรยาก็เสียชีวิตลาโลกนี้ไปหลายปีดีดัก ด้วยความที่ทั้งชีวิตเจ้าสัวทำงานหนักอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย สุขภาพร่างกายก็ทรุดโทรมลง เจ้าสัวจึงเชิญซินแสผู้หนึ่งมาทำนายดวงชะตาและตรวจสอบอายุไขของตนเองและบุตรชาย
เมื่อซินแสมาถึงก็ลงมือคิดคำนวณดวงชะตาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนกล่าวว่า “ยินดีด้วยท่านเจ้าสัว ท่านประกอบกรรมดีมาชั่วชีวิต ดังนั้นเบื้องบนจึงกำหนดให้ท่านอยู่ได้ถึงอายุ 80 ปี ส่วนบุตรชายของท่านแม้แต่ดูทึมทึบเช่นนี้ แต่ก็จะสามารถอยู่ได้ถึงอายุ 62 ปี ...”
ซินแสยังไม่ทันกล่าวจบ เสียเจ้าลูกชายร้องไห้ฟูมฟายกลับดังแทรกขึ้นมาทำเอาทั้งท่านเจ้าสัวกับซินแสตกอกตกใจ
เมื่อถามถึงสาเหตุของการร่ำไห้เสียใจ เจ้าลูกชายก็สะอื้นไห้พลางกล่าวว่า “เหตุใดท่านพ่อไม่อยู่ถึงอายุ 82 เหตุใดอายุขัยของท่านจึงหยุดอยู่แค่ 80? ท่านพ่อปีนี้ 50 เหลือเวลาอยู่ในโลกนี้อีก 30 ปี ส่วนข้าปีนี้อายุ 30 ปีแล้ว เหลืออายุขัยบนโลกใบนี้อีก 32 ปี ... เช่นนี้อีก 30 ปีต่อจากนี้ ช่วงเวลาสองปีที่ท่านด่วนจากไปก่อน แล้วข้าจะดำรงชีวิตอยู่ยังไง?”
เมื่อกล่าวจบเจ้าลูกชายก็ฟุบหน้าลงร่ำไห้ต่ออีกยกใหญ่
เรียบเรียงจาก 《广笑府》โดย เฝิงเมิ่งหลง (冯梦龙), ราชวงศ์หมิง