เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ข้อมูลประจำปีเผย ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แพทย์ระบุสาเหตุมาจากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ วิถีชีวิตที่เคร่งเครียด และการละเลยการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ฝ่ายการสาธารณสุขและองค์การโรงพยาบาล (Hospital Authority) เผยข้อมูลรับวันมะเร็งโลก 4 ก.พ. 2558 ระบุ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ฮ่องกงมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ และจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์
มะเร็งที่คร่าชีวิตชาวฮ่องกงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งต่อมลูกหมาก ตามลำดับ โดยในปีที่ผ่านมา มะเร็งปอดกลับมาทวงแชมป์คืนเพราะมีผู้ป่วยมากถึง 4,610 ราย หลังจากที่เสียแชมป์ให้กับมะเร็งลำไส้ไปเมื่อปีกลาย (2556) ทั้งนี้ ผู้ป่วยเป็นมะเร็งทั้งห้าชนิด คิดเป็นสัดส่วน 60 เปอร์เซ็นต์ในกรณีผู้ป่วยรายใหม่ทั้งหมด
ตัวเลขจากผ่ายการฯ ระบุว่า ในปี 2556 ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 13,589 ราย คิดเป็น 31 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 43,399 ราย นอกจากนี้เมื่อเทียบกับปี 2546 ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 11,510 ราย จึงเท่ากับว่า ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นสูงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคำนวณแล้วคนฮ่องกงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นปีละ 1.4 เปอร์เซ็นต์
ส่วนอัตราการเกิดโรคมะเร็ง ก็แตะจุดสูงสุดทำสถิติใหม่ในปี 2555 ซึ่งมียอดผู้ป่วยมะเร็งมากถึง 27,848 ราย และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2545 พบว่า อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ สำนักทะเบียนโรคมะเร็ง (Cancer Registry) ในองค์การพยาบาลฮ่องกง ระบุเมื่อเดือนพ.ย. 2557
สำนักทะเบียนฯ ยังเผยอีกว่า ผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มมากขึ้น ทั้งมะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในปี 2555 ผู้หญิงฮ่องกงตรวจพบมะเร็งเต้านมมากถึง 3,508 ราย เพิ่มขึ้นมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน
ด้านนายแพทย์ ดาเนียล ไช่ ชิงเถี่ยน (Daniel Chua Tsin-tien) รองผู้อำนวยการฝ่ายการรังสีบำบัดจากสถานพักฟื้นและโรงพยาบาลฮ่องกง (Hong Kong Sanatorium and Hospital) กล่าวว่า มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้จะมีอัตราเพิ่มมากขึ้นในฮ่องกงเพราะสังคมมั่งคั่ง ผู้คนใช้ชีวิตทั้งสูบบุหรี่และบริโภคเนื้อสัตว์กันมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ดังนั้น “มะเร็งเฉพาะที่ยังคงมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจต่อไป”
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ไช่ กล่าวว่า การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ส่วนมะเร็งลำไส้ก็สามารถตรวจพบและรักษาได้แต่เนิ่นๆ ด้วยการการตรวจคัดกรองลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (colonoscopic screening)
นอกจากนี้ ยังพบว่าแนวโน้มทั้งหมดข้างต้นเกิดขึ้นกับประเทศสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน เพราะสิงค์เป็นประเทศที่คนมีรูปแบบการดำเนินชีวิตคล้ายคลึงกับฮ่องกง
นายแพทย์ เซี่ย เหวินเซิน (Hsieh Wen-son) นักวิทยาเนื้องอกที่ปรึกษาโรงพยาบาลแฟร์เรอร์ พาร์ก (Farrer Park Hospital) ของรัฐในสิงค์โปร์ กล่าวว่า ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศในเอเชียอื่นๆ ที่พัฒนาแล้ว กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายคล้ายคลึงกัน ในแง่ที่ว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็ง อาทิ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งต่อมลูกหมาก กำลังเพิ่มสูงขึ้น
“ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มะเร็งเหล่านี้มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆในเอเชีย หากเทียบกับอัตราการเกิดมะเร็งในอเมริกาและประเทศในแถบยุโรป” นายแพทย์เซี่ย ระบุ ทว่าเขาก็ยังมองว่า สถานการณ์ต่อไปข้างหน้าคงจะไม่สิ้นหวังไปเสียทั้งหมด เพราะการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตของประชาชนจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งลงได้ เช่น การงดสูบบุหรี่ในวัยรุ่นก็ช่วยลดอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งลงเกือบ 1 ใน 3
อนึ่ง วันที่ 4 ก.พ. ของทุกปี ถือเป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) ซึ่งในปีนี้ สหภาพเพื่อการควบคุมมะเร็งนานาชาติ (Union for International Cancer Control) รณรงค์การต่อสู้กับมะเร็งด้วยคำขวัญ “อยู่ใกล้ตัวเรา” (Not beyond us) เพื่อส่งเสริมให้มีการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์และมีลักษณะเชิงรุก