รอยเตอร์ส - บ่ายวานนี้ (1 ก.พ.) ท้องถนนย่านธุรกิจการค้าบนเกาะฮ่องกงคราคร่ำด้วยทัพ ‘ร่มเหลือง’ อีกครั้ง หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยหลายพันคนรวมตัวเดินขบวน ยืนกราน “เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 2,000 นาย ต้องคอยควบคุมคลื่นฝูงชนที่เดินกางร่มสีเหลือง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์การประท้วงหลังประชาชนใช้เป็นเกราะป้องกันสเปรย์พริกไทยของเจ้าหน้าที่ระหว่างเหตุปะทะเมื่อปีกลาย พร้อมกับสอดส่องไม่ให้เกิดกรณี ‘อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล’ (Occupy Central) ปักหลักปิดถนนซ้ำรอยเดิม
ด้านผู้จัดการชุมนุมประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 13,000 คน แต่ตำรวจกล่าวว่าจำนวนในช่วงสูงสุดน่าจะอยู่ที่ 8,800 คนเท่านั้น โดยการเดินขบวนในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นการกลับมาครั้งแรกหลังยุติการชุมนุมใหญ่ไปในปลายปีก่อน ซึ่งมีเป้าหมายเรียกร้องการเลือกตั้งเต็มรูปแบบตามระบอบประชาธิปไตย
“เราอยากบอกรัฐบาลให้ชัดเจน … ว่าเราต้องการสิทธิการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสากล” เดซี ชาน หนึ่งในทีมผู้จัดการชุมนุมกล่าว โดยเสริมว่ากิจกรรมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีการยึดครองพื้นที่ใดๆ
อย่างไรก็ดี แม้การนัดรวมตัวอีกครั้งในบ่ายวานนี้จะไม่บรรลุยอด 5 หมื่นคนอย่างที่คาดหวัง แต่ผู้ชุมนุมบางส่วนเผยว่ารู้สึกยินดีที่จิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตยยังไม่สูญหายไป โดยเสียงป่าวร้อง “เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง” ยังคงก้องสะท้อนหมู่ตึกระฟ้าของเกาะฮ่องกง
ขณะเดียวกันพบกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยสังเกตการณ์อยู่ตามแนวขบวนฯ แต่ไม่มีรายงานเหตุปะทะต่อสู้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับแยกบุคคลที่อาจก่อความวุ่นวายออกไปก่อนหน้าแล้ว ทว่าผู้ร่วมขบวนบางคนก็กลัวจะเผชิญเหตุรุนแรง ถึงกับพกพาเกราะป้องกันตัวไว้ตลอดเวลา แม้การชุมนุมจะสิ้นสุดลงโดยปราศจากเหตุร้าย
เชอร์แมน อิง นักศึกษาฮ่องกงวัย 20 ปี ที่ร่วมเดินขบวนกล่าวว่า ผู้ชุมนุมต้องการ “ควบคุมชะตาชีวิตด้วยมือตัวเอง ไม่ใช่มือของเจ้าหน้าที่รัฐบาลในปักกิ่ง หรือมือของหุ่นเชิดในฮ่องกง” โดยธงฮ่องกงยุคอาณานิคมและธงชาติของสหราชอาณาจักรต่างถูกโบกสะพัดไปทั่วท่ามกลางมวลชนผู้สนับสนุนประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ฮ่องกงกลับคืนสู่อ้อมกอดอำนาจจีนในปี 2540 ซึ่งแผ่นดินใหญ่ได้ให้อิสระเสรีภาพอย่างกว้างขวางในหลายเรื่อง รวมถึงสิทธิการปกครองตนเองภายใต้นโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” แต่ชาวฮ่องกงจำนวนมากยังคงหวาดหวั่นว่า ปักกิ่งกำลังพยายามแผ่อิทธิพลเข้าควบคุมอย่างเข้มงวด
ทางการจีนอนุญาตให้ฮ่องกงจัดการเลือกตั้งเพื่อเลือกหัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษแห่งนี้คนถัดไปในปี 2560 แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องผ่านการคัดกรองจากคณะกรรมาธิการเสนอชื่อผู้สมัครรับการเลือกตั้งฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ภักดีต่อปักกิ่ง ทำให้ชาวฮ่องกงใจรักประชาธิปไตยเกรงว่าผู้ลงสมัครหัวเสรีนิยมจะถูกเขี่ยออกจากสนามเลือกตั้ง
ขณะที่คำปฏิเสธแน่วแน่ของแผ่นดินใหญ่ ที่จะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วง ก็ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลในหมู่ประชาชนฮ่องกงว่า ชนชั้นนำจีนกำลังรุกคืบแผ่ขยายเงามืดเหนือเกาะเล็กๆ ที่เป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า การเงินแห่งนี้มากยิ่งขึ้นในอนาคต