เอเจนซี—อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจจีน นาย หลิว เที่ยหนัน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในความผิดรับสินบนและใช้อำนาจในทางมิชอบ
เมื่อวันพุธ(10 ธ.ค.) ศาลประชาชนชั้นกลางประจำเมืองหลังฟางในมณฑลเหอเป่ย ตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตนาย หลิว เที่ยหนัน
ในวันเดียวกัน ก็มีการตัดสินโทษประหารชีวิตจอมคอรัปชั่น นาย จัง ซินหวา นายใหญ่รัฐวิสาหกิจขนาดเล็กในก่วงโจว
สื่อแดนใต้ของจีน หนันฟาง เดลี่ รายงาน จัง ซินหวาอดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัทไป๋อวิ๋น อะกริบิสซิเนส (Baiyun Agribusiness) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Guangzhou Flagship Development Group มั่งคั่งจากการทุจริตและรับสินบน ถึง340 ล้านหยวน หรือราว 1,700 ล้านบาท นับเป็นจอมคอรัปชั่นหมายเลขหนึ่งของมณฑลก่วงตง (หรือกวางตุ้ง)
สำหรับ นาย หลิว เที่ยหนัน เคยกินตำแหน่งใหญ่ถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งรัฐ หรือ เอ็นดีอาร์ซี (National Development and Reform Commission /NDRC) ซึ่งหน่วยงานที่ทรงอำนาจในการวางแผนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ขณะเดียวกัน หลิวควบตำแหน่งผู้อำนวยการคณะบริหารพลังงานแห่งรัฐ ซึ่งอยู่ภายใต้เอ็นดีอาร์ซี
ศาลฯได้พิจารณาคดีหลิวมาตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ในคำตัดสินระบุว่าระหว่างปี 2545-2555 จำเลยได้รับสินบนมากกว่า 35 ล้านหยวน หรือ ราว 175 ล้านบาท จากบริษัท 5 ราย ได้แก่ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีคัลและผู้ผลิตรถยนต์ โดยสินบนบางก้อนส่งผ่านมาทางบุตรชายของเขา คือ นาย หลิว เต๋อเฉิง
แม้ว่ากรณีอื้อฉาวของนายหลิวเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ก้อนมหึมา แต่อัยการได้พิจารณาโทษที่เบากว่าเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือโดยดีมาตลอด
อาจารย์ จัง หมิง จากมหาวิทยาลัยประชาชน เผยว่าอีกกรณีอื้อฉาวที่ชาวจีนกำลังสนใจมากคือ ชะตากรรมเจ้าหน้าที่ระดับสูง หลิง จี้ฮว่า อดีตกุนซือของอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา
“ประชาชนสนใจติดตามชะตากรรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ได้ฉายา “เสือใหญ่” ซึ่งยังมีอีกเป็นจำนวนมาก และดูจะชาชินกับการพิจารณาคดีอื้อฉาวอย่างกรณีของหลิว และจัง” อาจารย์ จัง ว่า
อนาคตพังพินาศ เพราะชู้รัก
หลิว เที่ยหนัน เกิดที่ปักกิ่ง ปี 2497 คร่ำหวอดในสายเทคโนแครตจีนมาหลายสิบปี จนทะยานสู่ตำแหน่งสูงในหน่วยวางแผนเศรษฐกิจที่ทรงอิทธิพลของประเทศ สถานภาพของเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่โดดเด่นหรือเป็นที่รู้จักในสาธารณะมากนัก ทำให้เขาอาจหลุดรอดจากสายตาหน่วยปราบคอรัปชั่นไปได้ ทว่า อนาคตของเขาต้องมาพังพินาศเพราะอดีตชู้รัก
อดีตชู้รักของหลิว แซ่ สีว์ เป็นผู้ลุกขึ้นมาแฉสัญญาธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากล กาทำประวัติการศึกษาปลอม และการข่มขู่เอาชีวิตนาย หลัว ฉังผิง ผู้ช่วยบรรณาธิการนิตยสาร ไฉจิง
หลัวได้เปิดโปงกรณีอื้อฉาวของหลิวในไมโครบล็อก “เวยปั๋ว” ของเขา ทั้งการจัดตั้งพันธมิตรระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มธุรกิจ ปริญญาปลอมจากมหาวิทยาลัย ภรรยาและบุตรชายของหลิว มีหุ้นในบริษัทธุรกิจ อีกทั้งฝากเงินจำนวนมหาศาลเข้าบัญชีสกุลเงินต่างประเทศ
หลัวถูกโยกย้ายตำแหน่งในองค์กรสื่อที่เขาทำงานอยู่ แต่หน่วยปราบคอรัปชั่นของพรรคคอมมิวนิสต์ก็เปิดการไต่สวนหลิวในข้อหา “ละเมิดวินัยร้ายแรง”
กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้ว่าด้วยตำแหน่งหน้าดูแลภาคอุตสาหกรรมพลังงาน หลิวจึงรู้จักใกล้ชิดกับโจว หย่งคัง อดีตซาร์ความมั่นคงจีน และ เจียง เจี๋ยหมิ่น อดีตนายใหญ่ไชน่า เนชั่นนัล ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น ทั้งสองกำลังถูกดำเนินคดีคอรัปชั่น จัดเป็นระดับ “เสือใหญ่” ที่เป็นเป้าสายตามากกว่า
ส่วนกรณีอื้อฉาวของหลิวนั้น ไม่เป็นที่สนใจของสาธารณะเท่าไหร่นัก หลังจากที่หลิวถูกจับกุม ก็เกิดกระแสตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานปราบปรามคอรัปชั่นในท้องถิ่น เนื่องจากกรณีอื้อฉาวคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ ที่ถูกเปิดโปงโดยชู้รักที่ถูกสลัดรักนั้น มีจำนวนมากขึ้นๆ มากกว่าเป็นผลงานการไต่สวนของเจ้าหน้าที่หน่วยต่อต้านคอรัปชั่น
จนกระทั่งหนังสือพิมพ์ประชาชน กระบอกเสียงของพรรคฯ ได้เผยแพร่บทความแสดงความคิดเห็นสะท้อนวิกฤตความเชื่อมั่น
“ประชาชนกลุ่มหนึ่งพูดกันว่าหน่วยต่อต้านคอรัปชั่นทุกระดับชั้นมีผลงานแย่ยิ่งกว่ากลุ่มชู้รัก
แม้จะดูเป็นเรื่องตลก แต่มันก็สะท้อนคำถามที่น่าสะพรึงกลัว คือ การปราบปรามคอรัปชั่น จะพึ่งใครดี? ” คือข้อความในบทความหน้าบรรณาธิการหนังสือประชาชน เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว