เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- รัฐบาลปักกิ่งออกมาปฏิเสธ ไม่มีอำนาจก้าวก่ายกลุ่มจี 20 ที่เตรียมรับรองข้อตกลงสร้างความโปร่งใสภาคบริษัท โดยมุ่งสกัดการจัดตั้งบริษัทลม อำพรางสินทรัพย์ หลังสื่อออสเตรเลียแฉ ปักกิ่งเป็นผู้ขัดขวางการออกกฎหมายต้านเรื่องพวกนี้
วานนี้ (13 พ.ย.) รัฐบาลปักกิ่ง ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา ขัดขวางการออกกฎหมายเอาผิดการจัดตั้งบริษัทลม และการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งออสเตรเลียเตรียมเสนอในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20 ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเข้าร่วมสุดสัปดาห์นี้ ในบริสเบน โดยกลุ่มผู้สนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันอย่างแข็งขันขึ้นเพื่อเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินบริษัท เพราะเห็นว่า หากมีกฎหมายฯ ก็จะสามารถป้องกันการจดทะเบียนบริษัทลมที่มักตั้งขึ้นมาทำเรื่องผิดกฎหมายได้
ข้อมูลข้างต้น เปิดเผยโดยสื่อออสเตรเลียซึ่งอ้างแหล่งข่าวกลุ่มรณรงค์ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ในกรุงเบอร์ลิน ออกมาเปิดเผยว่า
“เราเข้าใจว่ามีประเทศหนึ่งขัดขวางการรับรองร่างหลักการในขั้นตอนสุดท้ายที่จะเปิดโหวตในการประชุมสุดยอด จี20” แมกกี้ เมอร์ฟี กล่าวกับสื่อออสเตรเลียเมื่อเดือนก่อน (ก.ย.) “เราเข้าใจว่า ประเทศที่ทำแบบนั้นคือ จีน”
ด้านนายจัง จวิน ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายกิจการเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า จีนไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายการหารือและไม่มีอำนาจวีโต้กิจกรรมของกลุ่มจี 20 ต่อให้อยากทำก็ตาม
“จีนไม่ได้ขัดขวางการทำงานในประเด็นดังกล่าว” นายจัง ระบุ “จี20 ก็คือจี20 และ จี20 ไม่ใช่คณะมนตรีความมั่นคง (สหประชาชาติ) ดังนั้น จีนไม่มีอำนาจวีโต้ ไม่มีประเทศไหนวีโต้ได้ และการตัดสินการหารือทุกครั้งนั้นก็อยู่ที่ฉันทามติ”
นายจัง กล่าวต่อไปว่า จีนให้การสนับสนุนความร่วมมือประเด็นเรื่องบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์ “ในภาพรวม” อยู่แล้ว แต่ “ในแง่ของการลงทะเบียนจัดตั้งบริษัท แต่ละประเทศก็ใช้กฎหมายไม่เหมือนกัน เราต้องว่าตามเงื่อนไขกฎหมายที่มีอยู่จริงของแต่ละประเทศจึงจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปได้”
การตอบโต้นายจัง แม้จะสอดคล้องกับนโยบายของจีนที่กำลังปราบปรามทุจริตอย่างดุเดือด โดยจัดตั้งกลุ่มทำงานต่างๆ อาทิ "ยุทธการล่าสุนัขจิ้งจอก" อันเป็นหน่วยติดตามเจ้าหน้าที่ทุจริตซึ่งหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อนำตัวกลับมาลงโทษ รวมทั้งขอความร่วมมือจากกลุ่มประเทศเอเปกเพื่อประกาศการต่อต้านทุจริตในระดับระหว่างประเทศ ก็ตามที แต่สื่อหลายสำนักก็ออกมาโจมตีว่า พรรคคอมมิวนิสต์กลัวว่า การเปิดเผยข้อมูลบริษัทจะกระทบชนชั้นนำทางการเมืองของประเทศที่ปกปิดความร่ำรวย ซึ่งผู้นำจีนถือเป็นประเด็นอ่่อนไหวและห้ามเผยแพร่สู่ประชาชน
ทั้งนี้ ก่อนหน้าสื่อต่างประเทศรายงานข่าวแฉความมั่นคงของผู้นำจีน ที่ทำให้พรรคฯสูญเสียความน่าเชื่อถือ จนทางการจีนสั่งบล็อกแหล่งข่าว อาทิ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) และนิวยอร์ค ไทม์ส (New York Times) หลังจากที่พวกเขาเผยแพร่การตรวจสอบทรัพย์สินครอบครัวของนายสี จิ้นผิง และอดีตนายกรัฐมนตรีจีน นายเหวิน จยาเป่า นอกจากนี้ ยังจำกัดการออกวีซ่าให้นักข่าวต่างประเทศที่จะเข้าไปประจำในจีนเพิ่มเติมด้วย
วานนี้ (13 พ.ย.) รัฐบาลปักกิ่ง ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา ขัดขวางการออกกฎหมายเอาผิดการจัดตั้งบริษัทลม และการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งออสเตรเลียเตรียมเสนอในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20 ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเข้าร่วมสุดสัปดาห์นี้ ในบริสเบน โดยกลุ่มผู้สนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันอย่างแข็งขันขึ้นเพื่อเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินบริษัท เพราะเห็นว่า หากมีกฎหมายฯ ก็จะสามารถป้องกันการจดทะเบียนบริษัทลมที่มักตั้งขึ้นมาทำเรื่องผิดกฎหมายได้
ข้อมูลข้างต้น เปิดเผยโดยสื่อออสเตรเลียซึ่งอ้างแหล่งข่าวกลุ่มรณรงค์ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ในกรุงเบอร์ลิน ออกมาเปิดเผยว่า
“เราเข้าใจว่ามีประเทศหนึ่งขัดขวางการรับรองร่างหลักการในขั้นตอนสุดท้ายที่จะเปิดโหวตในการประชุมสุดยอด จี20” แมกกี้ เมอร์ฟี กล่าวกับสื่อออสเตรเลียเมื่อเดือนก่อน (ก.ย.) “เราเข้าใจว่า ประเทศที่ทำแบบนั้นคือ จีน”
ด้านนายจัง จวิน ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายกิจการเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า จีนไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายการหารือและไม่มีอำนาจวีโต้กิจกรรมของกลุ่มจี 20 ต่อให้อยากทำก็ตาม
“จีนไม่ได้ขัดขวางการทำงานในประเด็นดังกล่าว” นายจัง ระบุ “จี20 ก็คือจี20 และ จี20 ไม่ใช่คณะมนตรีความมั่นคง (สหประชาชาติ) ดังนั้น จีนไม่มีอำนาจวีโต้ ไม่มีประเทศไหนวีโต้ได้ และการตัดสินการหารือทุกครั้งนั้นก็อยู่ที่ฉันทามติ”
นายจัง กล่าวต่อไปว่า จีนให้การสนับสนุนความร่วมมือประเด็นเรื่องบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์ “ในภาพรวม” อยู่แล้ว แต่ “ในแง่ของการลงทะเบียนจัดตั้งบริษัท แต่ละประเทศก็ใช้กฎหมายไม่เหมือนกัน เราต้องว่าตามเงื่อนไขกฎหมายที่มีอยู่จริงของแต่ละประเทศจึงจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปได้”
การตอบโต้นายจัง แม้จะสอดคล้องกับนโยบายของจีนที่กำลังปราบปรามทุจริตอย่างดุเดือด โดยจัดตั้งกลุ่มทำงานต่างๆ อาทิ "ยุทธการล่าสุนัขจิ้งจอก" อันเป็นหน่วยติดตามเจ้าหน้าที่ทุจริตซึ่งหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อนำตัวกลับมาลงโทษ รวมทั้งขอความร่วมมือจากกลุ่มประเทศเอเปกเพื่อประกาศการต่อต้านทุจริตในระดับระหว่างประเทศ ก็ตามที แต่สื่อหลายสำนักก็ออกมาโจมตีว่า พรรคคอมมิวนิสต์กลัวว่า การเปิดเผยข้อมูลบริษัทจะกระทบชนชั้นนำทางการเมืองของประเทศที่ปกปิดความร่ำรวย ซึ่งผู้นำจีนถือเป็นประเด็นอ่่อนไหวและห้ามเผยแพร่สู่ประชาชน
ทั้งนี้ ก่อนหน้าสื่อต่างประเทศรายงานข่าวแฉความมั่นคงของผู้นำจีน ที่ทำให้พรรคฯสูญเสียความน่าเชื่อถือ จนทางการจีนสั่งบล็อกแหล่งข่าว อาทิ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) และนิวยอร์ค ไทม์ส (New York Times) หลังจากที่พวกเขาเผยแพร่การตรวจสอบทรัพย์สินครอบครัวของนายสี จิ้นผิง และอดีตนายกรัฐมนตรีจีน นายเหวิน จยาเป่า นอกจากนี้ ยังจำกัดการออกวีซ่าให้นักข่าวต่างประเทศที่จะเข้าไปประจำในจีนเพิ่มเติมด้วย