เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ทางการจีนสั่งจำคุกนักเทศน์มุสลิมในซินเจียง ทั้งหมด 22 คน ระบุโทษ ปลุกปั่นมวลชนก่อความไม่สงบในสังคม ใช้ความเชื่อไสยาศาสตร์ขัดขวางกฎหมาย และก่อคดีข่มขืน
สถานการณ์ความขัดแย้งในซินเจียง คลื่นล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เมื่อศาลประชาชนในคาชการ์เปิดพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยสั่งจำคุก นักเทศน์มุสลิม และอิหม่ามเถื่อนที่ถูกปลดจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จำนวน 22 คน ด้วยข้อหา ก่อความเกลียดชังทางศาสนา ปลุกปั่น ระดมมวลชนก่อความไม่สงบในสังคม ใช้ความเชื่อทางไสยาศาสตร์ขัดขวางการทำงานของกฎหมาย รวมทั้งข้อหาข่มขืน ทั้งหมดถูกสั่งจำคุกตั้งแต่ 5 - 16 ปี ลดหลั่นกันไป ไชน่า นิวส์ เซอร์วิส รายงาน วานนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนก่อน (ก.ย.) ศาลเมืองคาชการ์ก็สั่งจำคุกตลอดชีวิตนักโทษ 12 คน หลังจากที่พวกเขาก่อเหตุรุนแรงขึ้นในอำเภอคาชการ์หลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตรวม 37 ราย เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องหาทั้งหมดในชุดนักโทษ ยืนเรียงแถว สวมป้ายห้อยคอ ระบุโทษอาชญากรรมของตนเอง ออกมาด้วย
ปัจจุบันการเผยแพร่ภาพผู้ต้องหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในซินเจียง แม้ว่า ในความเป็นจริง แผ่นดินใหญ่มีการสั่งห้ามเผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย หรือ อาชญากร ออกสู่สังคม
การพิพากษาอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนจะช่วยยับยั้งและปราบปรามคนที่ละเมิดกฎหมายในภูมิภาค นายไอนิวาเออร์ ตูเออร์ซุน (Ainiwaer Tuerxun) ด้านผู้ว่าการเมืองคาชการ์ กล่าว ซินเจียงถูกพวกหัวรุนแรงทางศาสนาใช้เป็นตัวประกัน และสิ่งนี้ก็ช่วยเติมเชื้อเพลิงก่อการร้ายให้โหมกระหน่ำขึ้นในภูมิภาค
ส่วนนายเมิ่ง ไฉ่เสีย อาจารย์จากวิทยาลัยครูในคาชการ์ กล่าวว่า การเทศน์เรื่องความเชื่อทางศาสนาที่สุดโต่ง มักทำกันอย่างลับๆ แต่สร้างปัญหาร้ายแรงและส่งผลกระทบในเชิงลึกต่อสังคมในซินเจียง
“บางคนเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมนี้ก็ไม่อยากเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณพยายามบอกแก่พวกเขา” นายเมิ่ง กล่าว
อนึ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียงตั้งอยู่ภาคตะวันตกของประเทศจีน มีพื้นที่กว้างใหญ่และพรมแดนติดต่อกับกลุ่มชาติเอเชียกลาง มีเจ้าถิ่นเป็นชาวอุยกูร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม นับเป็นจุดร้อนใหญ่จากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ด้านกลุ่มนักมนุษยชนชี้ปมปัญหามาจากการกดขี่ทางวัฒนธรรม ศาสนา มาตรการความมั่นคง และการผลักดันชาวจีนฮั่นหลั่งไหลเข้าไปทำงานในซินเจียง ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรเหมืองแร่ ทว่า ทางการปักกิ่งกลับมองว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยๆในซินเจียงมาจากการเสี้ยมของกลุ่มศาสนาสุดโต่งและลัทธิแบ่งแยกดินแดน
สถานการณ์ความขัดแย้งในซินเจียง คลื่นล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เมื่อศาลประชาชนในคาชการ์เปิดพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยสั่งจำคุก นักเทศน์มุสลิม และอิหม่ามเถื่อนที่ถูกปลดจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จำนวน 22 คน ด้วยข้อหา ก่อความเกลียดชังทางศาสนา ปลุกปั่น ระดมมวลชนก่อความไม่สงบในสังคม ใช้ความเชื่อทางไสยาศาสตร์ขัดขวางการทำงานของกฎหมาย รวมทั้งข้อหาข่มขืน ทั้งหมดถูกสั่งจำคุกตั้งแต่ 5 - 16 ปี ลดหลั่นกันไป ไชน่า นิวส์ เซอร์วิส รายงาน วานนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนก่อน (ก.ย.) ศาลเมืองคาชการ์ก็สั่งจำคุกตลอดชีวิตนักโทษ 12 คน หลังจากที่พวกเขาก่อเหตุรุนแรงขึ้นในอำเภอคาชการ์หลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตรวม 37 ราย เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องหาทั้งหมดในชุดนักโทษ ยืนเรียงแถว สวมป้ายห้อยคอ ระบุโทษอาชญากรรมของตนเอง ออกมาด้วย
ปัจจุบันการเผยแพร่ภาพผู้ต้องหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในซินเจียง แม้ว่า ในความเป็นจริง แผ่นดินใหญ่มีการสั่งห้ามเผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย หรือ อาชญากร ออกสู่สังคม
การพิพากษาอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนจะช่วยยับยั้งและปราบปรามคนที่ละเมิดกฎหมายในภูมิภาค นายไอนิวาเออร์ ตูเออร์ซุน (Ainiwaer Tuerxun) ด้านผู้ว่าการเมืองคาชการ์ กล่าว ซินเจียงถูกพวกหัวรุนแรงทางศาสนาใช้เป็นตัวประกัน และสิ่งนี้ก็ช่วยเติมเชื้อเพลิงก่อการร้ายให้โหมกระหน่ำขึ้นในภูมิภาค
ส่วนนายเมิ่ง ไฉ่เสีย อาจารย์จากวิทยาลัยครูในคาชการ์ กล่าวว่า การเทศน์เรื่องความเชื่อทางศาสนาที่สุดโต่ง มักทำกันอย่างลับๆ แต่สร้างปัญหาร้ายแรงและส่งผลกระทบในเชิงลึกต่อสังคมในซินเจียง
“บางคนเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมนี้ก็ไม่อยากเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณพยายามบอกแก่พวกเขา” นายเมิ่ง กล่าว
อนึ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียงตั้งอยู่ภาคตะวันตกของประเทศจีน มีพื้นที่กว้างใหญ่และพรมแดนติดต่อกับกลุ่มชาติเอเชียกลาง มีเจ้าถิ่นเป็นชาวอุยกูร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม นับเป็นจุดร้อนใหญ่จากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ด้านกลุ่มนักมนุษยชนชี้ปมปัญหามาจากการกดขี่ทางวัฒนธรรม ศาสนา มาตรการความมั่นคง และการผลักดันชาวจีนฮั่นหลั่งไหลเข้าไปทำงานในซินเจียง ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรเหมืองแร่ ทว่า ทางการปักกิ่งกลับมองว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยๆในซินเจียงมาจากการเสี้ยมของกลุ่มศาสนาสุดโต่งและลัทธิแบ่งแยกดินแดน