รอยเตอร์ส/เอเจนซี- คาสิโนดังในสิงคโปร์กำลังซบเซา เพราะขาวีไอพีจากแดนมังกรหด หลังจีนใช้นโยบายปราบทุจริตของสี จิ้นผิง
กาสิโนใหญ่สองแห่งในสิงคโปร์ทั้งเซนโตซา (Sentosa) และลาสเวกัส แซนด์ส (Las Vegas Sands) กำลังปรับตัว หลังธุรกิจเริ่มซบเซาเนื่องจากขาดกลุ่มผู้เล่นกระเป๋าหนักจากแผ่นดินใหญ่ โดยคาดกันว่าเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายการปราบทุจริตของรัฐบาลแผ่นดินใหญ่ และสภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซาลง
กลุ่มนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนักทำเงินให้กาสิโนทั้งสองแห่งไปหลายพันล้านเหรียญ นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2553 เป็นต้นมา และเป็นแหล่งรายได้ส่วนของการพนันถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือราวๆ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 192,000 ล้านบาท) นอกจากนี้แล้ว ธุรกิจบริการกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักหรือกลุ่มวีไอพี ยังเป็นลูกค้าจีนใช้บริการมากกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ดี หลังจากนโยบายปราบปรามการทุจริตดำเนินไปอย่างเข้มข้นในแผ่นดินใหญ่ ทำให้เศรษฐีแดนมังกรไม่กล้านำเงินออกนอกประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซา ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในสิงคโปร์จึงลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 871,000 คน ในช่วงครั้งแรกของปี 2557 ข้อมูลจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ลาส เวกัสแซนด์ส รายงานว่า ธุรกิจสำหรับลูกค้าวีไอพีของกาสิโน ตกลง 34 เปอร์เซ็นต์ ทำเงินได้เพียง 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 291,200 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่สาม และคาดว่าทางเก็นติ้งก็น่าจะอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน
ด้านหุ้นของเก็นติ้งฯ เองก็ร่วงลง 30 เปอร์เซ็นต์ แย่ที่สุดในดัชนี สเตรทส์ ไทม์ (Straits Times index) ปีนี้
“รายได้จากการพนันในสิงคโปร์หยุดชะงักกะทันหัน เป็นไปได้ว่าในปี 2557 นี้ เศรษฐกิจมหภาคและเรื่องทางการเมืองของจีนจะเป็นปัจจัยหลัก” ฟิทช์เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของโลก ระบุเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา
ในขณะที่ เชลดอน อเดลสัน ราชากาสิโน เจ้าของลาสเวกัส แซนด์ ในมารีน่า เบย์แซนด์ โทษว่า สภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบริษัทคู่แข่งอย่างเซนโตซาของเก็นติ้งสิงคโปร์ ออกเครดิตล่อใจนักเล่นกระเป๋าหนักมากเกินไปจนทำตลาดเสีย เพราะคนเริ่มเคยชินกับโปรโมชั่น
ด้านโฆษกหญิงของเก็นติ้ง ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ แต่จากผลประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่า นาย ตัน ฮี เต็ค (Tan Hee Teck) ประธานบริษัทฯ ทราบตั้งแต่การประชุมเทเลคอนเฟอเรนซ์ของบริษัทฯ เมื่อเดือนส.ค.แล้วว่า สถานการณ์กาสิโนในสิงคโปร์กำลังเผชิญคลื่นลมปะทะ
“ผมคิดว่าผู้ประกอบการหลายเจ้าอาจไม่อยากยอมรับมัน แต่จากทางเรา เราเชื่อว่าสถานการณ์จะท้าทายอย่างนี้ต่อไปอย่างน้อยก็อีก 5 ถึง 12 เดือน” นายตัน กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้สองกาสิโนยักษ์ใหญ่จะพยายามทำเงินจากกิจกรรมอื่น นอกเหนือธุรกิจการพนัน อาทิ การให้บริการจัดการประชุม โรงแรม และแหล่งช็อปปิ้ง แต่บ่อนการพนันก็ทำเงินได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ นอกจากนี้ กาสิโนทั้งสองแห่งยังอ้างว่า มีอัตรากำไรเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมประเภทนี้
อนึ่ง นโยบายปราบปรามการทุจริตของจีนเข้มงวดมากขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ย. 2555 เป็นต้นมา โดยที่ผ่านมา รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับที่ทุจริต คอรัปชั่น ทั้งสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ปลดจากการเป็นสมาชิกของพรรคฯ ดำเนินคดี ไล่ริบทรัพย์ ฯลฯ โดยนักวิเคราะห์มองว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นความพยายามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการตอบโจทย์สาธารณชน โดยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับสาธารณชนทั่วไป ด้วยการจัดระเบียบการทำงานให้ขาวสะอาดขึ้น ทั้งในพิธีการของรัฐ ระบบราชการ และการใช้จ่ายเงินของรัฐ
กาสิโนใหญ่สองแห่งในสิงคโปร์ทั้งเซนโตซา (Sentosa) และลาสเวกัส แซนด์ส (Las Vegas Sands) กำลังปรับตัว หลังธุรกิจเริ่มซบเซาเนื่องจากขาดกลุ่มผู้เล่นกระเป๋าหนักจากแผ่นดินใหญ่ โดยคาดกันว่าเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายการปราบทุจริตของรัฐบาลแผ่นดินใหญ่ และสภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซาลง
กลุ่มนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนักทำเงินให้กาสิโนทั้งสองแห่งไปหลายพันล้านเหรียญ นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2553 เป็นต้นมา และเป็นแหล่งรายได้ส่วนของการพนันถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือราวๆ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 192,000 ล้านบาท) นอกจากนี้แล้ว ธุรกิจบริการกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักหรือกลุ่มวีไอพี ยังเป็นลูกค้าจีนใช้บริการมากกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ดี หลังจากนโยบายปราบปรามการทุจริตดำเนินไปอย่างเข้มข้นในแผ่นดินใหญ่ ทำให้เศรษฐีแดนมังกรไม่กล้านำเงินออกนอกประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซา ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในสิงคโปร์จึงลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 871,000 คน ในช่วงครั้งแรกของปี 2557 ข้อมูลจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ลาส เวกัสแซนด์ส รายงานว่า ธุรกิจสำหรับลูกค้าวีไอพีของกาสิโน ตกลง 34 เปอร์เซ็นต์ ทำเงินได้เพียง 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 291,200 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่สาม และคาดว่าทางเก็นติ้งก็น่าจะอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน
ด้านหุ้นของเก็นติ้งฯ เองก็ร่วงลง 30 เปอร์เซ็นต์ แย่ที่สุดในดัชนี สเตรทส์ ไทม์ (Straits Times index) ปีนี้
“รายได้จากการพนันในสิงคโปร์หยุดชะงักกะทันหัน เป็นไปได้ว่าในปี 2557 นี้ เศรษฐกิจมหภาคและเรื่องทางการเมืองของจีนจะเป็นปัจจัยหลัก” ฟิทช์เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของโลก ระบุเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา
ในขณะที่ เชลดอน อเดลสัน ราชากาสิโน เจ้าของลาสเวกัส แซนด์ ในมารีน่า เบย์แซนด์ โทษว่า สภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบริษัทคู่แข่งอย่างเซนโตซาของเก็นติ้งสิงคโปร์ ออกเครดิตล่อใจนักเล่นกระเป๋าหนักมากเกินไปจนทำตลาดเสีย เพราะคนเริ่มเคยชินกับโปรโมชั่น
ด้านโฆษกหญิงของเก็นติ้ง ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ แต่จากผลประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่า นาย ตัน ฮี เต็ค (Tan Hee Teck) ประธานบริษัทฯ ทราบตั้งแต่การประชุมเทเลคอนเฟอเรนซ์ของบริษัทฯ เมื่อเดือนส.ค.แล้วว่า สถานการณ์กาสิโนในสิงคโปร์กำลังเผชิญคลื่นลมปะทะ
“ผมคิดว่าผู้ประกอบการหลายเจ้าอาจไม่อยากยอมรับมัน แต่จากทางเรา เราเชื่อว่าสถานการณ์จะท้าทายอย่างนี้ต่อไปอย่างน้อยก็อีก 5 ถึง 12 เดือน” นายตัน กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้สองกาสิโนยักษ์ใหญ่จะพยายามทำเงินจากกิจกรรมอื่น นอกเหนือธุรกิจการพนัน อาทิ การให้บริการจัดการประชุม โรงแรม และแหล่งช็อปปิ้ง แต่บ่อนการพนันก็ทำเงินได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ นอกจากนี้ กาสิโนทั้งสองแห่งยังอ้างว่า มีอัตรากำไรเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมประเภทนี้
อนึ่ง นโยบายปราบปรามการทุจริตของจีนเข้มงวดมากขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ย. 2555 เป็นต้นมา โดยที่ผ่านมา รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับที่ทุจริต คอรัปชั่น ทั้งสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ปลดจากการเป็นสมาชิกของพรรคฯ ดำเนินคดี ไล่ริบทรัพย์ ฯลฯ โดยนักวิเคราะห์มองว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นความพยายามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการตอบโจทย์สาธารณชน โดยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับสาธารณชนทั่วไป ด้วยการจัดระเบียบการทำงานให้ขาวสะอาดขึ้น ทั้งในพิธีการของรัฐ ระบบราชการ และการใช้จ่ายเงินของรัฐ