รอยเตอร์ส/เอเจนซี- เดมเลอร์เอจี บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังของเยอรมนี ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกตลาดจีนด้วยการเปิดศูนย์วิจัย-พัฒนารถเบนซ์ในปักกิ่ง หวังตอบโจทย์เศรษฐีจีน ทำตลาดแข่งออดี้และบี เอ็ม ดับเบิลยู
เดมเลอร์เอจี (Daimler AG) บริษัทผู้ผลิตรถเมอร์เซเดส สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในปักกิ่ง เพิ่มเติมจากศูนย์ฯ ในเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งปรับปรุงศูนย์วิจัยฯอื่นๆ รวมเม็ดเงินที่ลงทุนไปในจีน ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มากถึง 110 ล้านยูโร หรือราว 4,510 ล้านบาท
อูเบอร์ทัส ทรอสกา ผู้บริหารเดมเลอร์เอจีในจีน เปิดเผยกับรอยเตอร์ส ระบุ ศูนย์วิจัยใหม่ที่สร้างขึ้น จะเป็นศูนย์ใหญ่สุด และจะแล้วเสร็จภายในปีสองปีนี้ รวมทั้งภายในปีหน้า จะมีการเพิ่มบุคลากร ทั้งวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญให้ถึง 500 คน จากเดิมที่มีอยู่ในตอนนี้ 350 คน
ทรอสกา ระบุด้วยว่า การเดินหน้าของบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนี แสดงให้เห็นว่า “เดมเลอร์ฯ ต้องการฝังตัวลงในสังคมจีนให้ลึกขึ้น เพื่อสร้างรถที่เหมาะสมกับคนจีนมากที่สุด”
“มันก็เป็นขั้นตอนของมัน เพื่อให้รู้จักตลาดดีขึ้นและเพื่อให้รู้ความต้องการของคนจีนแต่เนิ่นๆ ก่อนที่เราจะพัฒนารถรุ่นใหม่ออกมา” ทรอสกา กล่าว “การเน้นสนใจรสนิยมของคนจีน จะช่วยให้เมอร์เซเดสไล่กวดตลาดรถหรูในจีนที่มีออดี้จากค่ายโฟล์กสวาเกน และบีเอ็มดับเบิลยูครองตลาดอยู่ได้”
ทั้งนี้ พบว่า คนจีนที่ขับรถเมอร์เซเดส อายุเฉลี่ยประมาณ 38 ปี ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มคนขับรถยี่ห้อนี้ในเยอรมนี ถึง 20 ปี โฆษกเมอร์เซเดส ระบุ
ส่วนความต้องการของผู้ซื้อจีนในวัยนี้ เน้นไปที่ การใช้อินเทอร์เนตในรถ ทรอสกา กล่าว ส่วนลักษณะอื่นๆ ที่ตอบโจทย์เศรษฐีจีน ก็คือ เบาะหลังที่กว้างขวาง มีระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ทันสมัย มีระบบควบคุมอุณหภูมิ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มีคนขับรถให้ และจะขับรถเองก็เฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ทรอสกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ เมอร์เซเดสกำลังวางไลน์รถซุเปอร์พรีเมียมเน้นเฉพาะตลาดผู้บริโภคจีนด้วย
“เอส คลาส (S-Class) อยู่ตัวแล้วและในจีนก็ถือเป็นสุดยอดรถคันหนึ่งในกลุ่มรถสำหรับผู้บริหาร เป็นไปได้ไหมว่า เราจะวางเอสคลาสให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย? ผมคิดว่ามันเป็นไปได้ พวกคุณคงได้เห็นกันในเร็วๆนี้” ทรอสกา กล่าว โดยปฏิเสธจะให้รายละเอียดใดๆ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาของเดมเลอร์ฯจีน เดินหน้าหลายก้าวหลังจากที่ทรอสกาเข้ารับกุมบังเหียน ตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการปรับกลยุทธ์การตลาด การขาย และเพิ่มจำนวนตัวแทนจัดจำหน่าย
ด้านภาพรวมของธุรกิจยานยนต์ในจีน ถือว่าชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวลง แต่ผู้ผลิตฯ คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะต้องการรถยนต์มากถึง 35 ล้านคัน ในขณะที่ปีที่แล้วมีกำลังซื้ออยู่ที่ 22 ล้านคัน
ส่วน แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ บริษัทให้คำปรึกษาด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดการณ์ว่า ในปีนี้ เมอร์เซเดสจะขายรถในตลาดจีนได้ 291,000 คัน ส่วนออดี้จะได้ประมาณ 581,000 คัน ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูได้ 448,000 คัน
ทรอสกา เก็งไว้ว่ารถของเมอร์เซเดสรุ่น GLA ซึ่งเป็นรถแบบ compact SUV จะช่วยให้บริษัทฯ ทำยอดขายปีหน้าได้ 300,000 คัน ส่วนแอลเอ็มซี คาดว่าในปี 2558 เมอร์เซเดสจะขายได้ 386,000 คัน
อนึ่ง การประกาศเดินหน้าในจีนของเดมเลอร์ฯ เกิดขึ้นในขณะที่ทางการจีนลุยปราบพฤติกรรมผูกขาดของค่ายรถยนต์หรูต่างชาติ ทั้งออดี้ ไครสเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู จนต้องออกมาประกาศปรับลดราคาผลิตภัณฑ์กันระนาว ทั้งราคารถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และบริการหลังการขาย ซึ่งเมอร์เซเดสก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกตรวจสอบ
เดมเลอร์เอจี (Daimler AG) บริษัทผู้ผลิตรถเมอร์เซเดส สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในปักกิ่ง เพิ่มเติมจากศูนย์ฯ ในเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งปรับปรุงศูนย์วิจัยฯอื่นๆ รวมเม็ดเงินที่ลงทุนไปในจีน ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มากถึง 110 ล้านยูโร หรือราว 4,510 ล้านบาท
อูเบอร์ทัส ทรอสกา ผู้บริหารเดมเลอร์เอจีในจีน เปิดเผยกับรอยเตอร์ส ระบุ ศูนย์วิจัยใหม่ที่สร้างขึ้น จะเป็นศูนย์ใหญ่สุด และจะแล้วเสร็จภายในปีสองปีนี้ รวมทั้งภายในปีหน้า จะมีการเพิ่มบุคลากร ทั้งวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญให้ถึง 500 คน จากเดิมที่มีอยู่ในตอนนี้ 350 คน
ทรอสกา ระบุด้วยว่า การเดินหน้าของบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนี แสดงให้เห็นว่า “เดมเลอร์ฯ ต้องการฝังตัวลงในสังคมจีนให้ลึกขึ้น เพื่อสร้างรถที่เหมาะสมกับคนจีนมากที่สุด”
“มันก็เป็นขั้นตอนของมัน เพื่อให้รู้จักตลาดดีขึ้นและเพื่อให้รู้ความต้องการของคนจีนแต่เนิ่นๆ ก่อนที่เราจะพัฒนารถรุ่นใหม่ออกมา” ทรอสกา กล่าว “การเน้นสนใจรสนิยมของคนจีน จะช่วยให้เมอร์เซเดสไล่กวดตลาดรถหรูในจีนที่มีออดี้จากค่ายโฟล์กสวาเกน และบีเอ็มดับเบิลยูครองตลาดอยู่ได้”
ทั้งนี้ พบว่า คนจีนที่ขับรถเมอร์เซเดส อายุเฉลี่ยประมาณ 38 ปี ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มคนขับรถยี่ห้อนี้ในเยอรมนี ถึง 20 ปี โฆษกเมอร์เซเดส ระบุ
ส่วนความต้องการของผู้ซื้อจีนในวัยนี้ เน้นไปที่ การใช้อินเทอร์เนตในรถ ทรอสกา กล่าว ส่วนลักษณะอื่นๆ ที่ตอบโจทย์เศรษฐีจีน ก็คือ เบาะหลังที่กว้างขวาง มีระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ทันสมัย มีระบบควบคุมอุณหภูมิ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มีคนขับรถให้ และจะขับรถเองก็เฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ทรอสกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ เมอร์เซเดสกำลังวางไลน์รถซุเปอร์พรีเมียมเน้นเฉพาะตลาดผู้บริโภคจีนด้วย
“เอส คลาส (S-Class) อยู่ตัวแล้วและในจีนก็ถือเป็นสุดยอดรถคันหนึ่งในกลุ่มรถสำหรับผู้บริหาร เป็นไปได้ไหมว่า เราจะวางเอสคลาสให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย? ผมคิดว่ามันเป็นไปได้ พวกคุณคงได้เห็นกันในเร็วๆนี้” ทรอสกา กล่าว โดยปฏิเสธจะให้รายละเอียดใดๆ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาของเดมเลอร์ฯจีน เดินหน้าหลายก้าวหลังจากที่ทรอสกาเข้ารับกุมบังเหียน ตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการปรับกลยุทธ์การตลาด การขาย และเพิ่มจำนวนตัวแทนจัดจำหน่าย
ด้านภาพรวมของธุรกิจยานยนต์ในจีน ถือว่าชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวลง แต่ผู้ผลิตฯ คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะต้องการรถยนต์มากถึง 35 ล้านคัน ในขณะที่ปีที่แล้วมีกำลังซื้ออยู่ที่ 22 ล้านคัน
ส่วน แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ บริษัทให้คำปรึกษาด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดการณ์ว่า ในปีนี้ เมอร์เซเดสจะขายรถในตลาดจีนได้ 291,000 คัน ส่วนออดี้จะได้ประมาณ 581,000 คัน ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูได้ 448,000 คัน
ทรอสกา เก็งไว้ว่ารถของเมอร์เซเดสรุ่น GLA ซึ่งเป็นรถแบบ compact SUV จะช่วยให้บริษัทฯ ทำยอดขายปีหน้าได้ 300,000 คัน ส่วนแอลเอ็มซี คาดว่าในปี 2558 เมอร์เซเดสจะขายได้ 386,000 คัน
อนึ่ง การประกาศเดินหน้าในจีนของเดมเลอร์ฯ เกิดขึ้นในขณะที่ทางการจีนลุยปราบพฤติกรรมผูกขาดของค่ายรถยนต์หรูต่างชาติ ทั้งออดี้ ไครสเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู จนต้องออกมาประกาศปรับลดราคาผลิตภัณฑ์กันระนาว ทั้งราคารถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และบริการหลังการขาย ซึ่งเมอร์เซเดสก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกตรวจสอบ
