เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักวิเคราะห์เล็งจีนชะลอการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากยอดการส่งออกและนำเข้าสินค้าในเดือนที่แล้ว โตเกินคาด
ทางการจีนประกาศตัวเลขการส่งออกสินค้าประจำเดือนก.ย. 2557 เพิ่มถึงร้อยละ 15.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 9.4 ในเดือนส.ค. ส่วนยอดการนำเข้าเพิ่มร้อยละ 7 หลังจากเมื่อเดือนส.ค. เพิ่มร้อยละ 2.4 ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้าจำนวน 309,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงจากการเกินดุลครั้งประวัติการณ์ในเดือนส.ค.จำนวน 498,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การเติบโตเหนือความคาดหมายของตลาด ที่คาดกันว่า การส่งออกของจีนเดือนก.ย.จะโต ที่ร้อยละ 12 และการนำเข้าลดลงร้อยละ 2 นั้น ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า เศรษฐกิจแดนมังกร ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก น่าจะฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 โดย นายหม่า เซี่ยวปิง นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอชเอสบีซีมองว่า การนำเข้าที่โตอย่างรวดเร็วนี้อาจส่งสัญญาณว่า การบริโภคในประเทศกำลังฟื้นตัว หลังจากดิ่งต่ำสุด ส่วนการส่งออก ที่โตรวดเร็วต่อเนื่องอาจบ่งชี้ว่า การส่งออกของจีนจะยังแข็งแกร่งต่อไปในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่า การบรรลุเป้าหมายอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งตั้งไว้ที่ร้อยละ 7.5 ในปีนี้ยังคงเป็นเรื่องท้าทาย โดยยอดการค้าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้โตเพียงร้อยละ 3.3 เท่านั้น
ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และต้องรอดูต่อไปว่า การผ่อนคลายนโยบายซื้อบ้าน ที่รัฐบาลประกาศก่อนหน้าวันหยุดวันชาติจะทำให้ตลาดอสังหาฯ มีเสถียรภาพได้หรือไม่ หลังจากราคาบ้านดิ่งฮวบ และการลงทุนในภาคอสังหาฯ เดือนส.ค. ชะลอการเติบโตมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจีนย้ำว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องหันไปใช้วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยนายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวที่กรุงวอชิงตันเมื่อสุดสัปดาห์ว่า เศรษฐกิจจีนยังมีความเคลื่อนไหวในระดับ ที่เหมาะสม และสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตราวร้อยละ 7.5 ได้ในปีนี้ และถึงแม้มีแรงกดดันจากการดิ่งลงของบางภาค เช่น อสังหาฯ แต่การดำเนินนโยบายการเงินของจีนจะยังคงทำอย่างรอบคอบต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2557 จากร้อยละ 7.6 เหลือ ร้อยละ 7.4 เนื่องจากผลกระทบจากการตกต่ำของตลาดอสังหาฯ กำลังการผลิต ที่เหลือใช้ และความเสี่ยงด้านการเงิน ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายหม่า จวิ้น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักวิจัยพีบีโอซี ระบุว่า จีนยังไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในตอนนี้