ไชน่าเดลี่ รายงาน (8 ต.ค.) ผลสำรวจของสมาคมวิจัยฯ ฮ่องกง ซึ่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนฮ่องกง 1,361 คน เกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงปิดใจกลางธุรกิจฮ่องกง โดยผลสำรวจระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม พบว่า ร้อยละ 67 ของผู้ตอบสำรวจทางโทรศัพท์ ไม่สนับสนุนการชุมนุมฯ
ผลสำรวจระบุว่า มากกว่าครึ่งของผู้ตอบฯ บอกว่าการประท้วงปิดถนนในมงก๊อก คอสเวย์เบส และแอดมิรัลตี้ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะที่ร้อยละ 46 กล่าวว่า การประท้วงฯ ทำให้ภาพลักษณ์ฮ่องกงเสื่อมเสีย
ผู้ตอบสำรวจฯ บางส่วนบอกว่า แม้การชุมนุมจะลุล่วงผ่านไปได้ แต่ก็คงไม่ได้ทำให้อะไรดีหรือเลวขึ้น ขณะที่ร้อยละ 17 เชื่อว่าฮ่องกงจะดีขึ้นหลังการชุมนุมผ่านพ้นไป แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งราวร้อยละ 12 ที่มองโลกแง่ร้าย โดยคาดว่าจะเกิดเหตุการณ์นองเลือด และมีร้อยละ 13 ที่เชื่อว่าผู้ประท้วงจะสลายการชุมนุมอย่างสงบสันติ
1 ใน 4 ของผู้ตอบสำรวจ เชื่อว่า การชุมนุมจะยุติด้วยการสลายของกำลังเจ้าหน้าที่ฯ ร้อยละ 18 ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
สมาคมวิจัยฮ่องกง เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและรัฐบาลหันหน้าเข้าพูดคุยกัน เช่นเดียวกับหลายภาคส่วนของสังคม โดยต่างวอนให้พูดคุยกันด้วยเหตุผล และมุ่งสู่การแก้ปัญหาอย่างสงบสุข และบรรลุถึงการเลือกตั้งสากลในไม่ช้า
ในขณะที่สมาชิกสภาเขตเซ็นทรัลและเวสเทิร์น ซึ่งได้รับผลกระทบการจากชุมนุม ได้แถลงเรียกร้องรัฐบาลฮ่องกงแก้ไขปัญหาการชุมนุมฯ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนของเด็ก และการเดินทางไปมาของประชาชน
สตีเฟน ชาน สมาชิกสภาเขตเซ็นทรัลและเวสเทิร์น กล่าวว่า ประชาชนได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนเช่นปกติ โดยชาวบ้านที่สูงอายุ ก็ต้องใช้พาหนะอื่นๆ โดยสารยามต้องออกไปทำกิจธุระนัดหมาย เพราะขนส่งสาธารณะถูกระงับ
"ประชาชาชนผู้อยู่อาศัยฯ กำลังใกล้หมดความอดทน และพวกเขาต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ เพื่อจะได้กลับไปทำงาน เรียนหนังสือ หรือใช้ชีวิต" นายสตีเฟน ชาน กล่าว
