เกิดระเบิดหลายครั้งในซินเจียง ขณะพรรคฯ เล่นงานเจ้าหน้าที่กรณีโจมตีครั้งรุนแรง

รอยเตอร์ส - ซินเจียงร้อนระอุอีกครั้งหลังเกิดระเบิดหลายจุดทางตอนใต้ ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์เอาผิดตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น กรณีคนร้ายบุกโจมตีจนมีเหยื่อเสียชีวิตร่วมร้อยรายเมื่อเกือบสองเดือนก่อน

สำนักข่าวซินหวาอ้างเว็บไซต์เทียนซาน (ts.cn) ของรัฐบาลท้องถิ่นซินเจียง รายงาน (22 ก.ย.) เหตุระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง ในวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บหลายคน โดยการระเบิดเกิดขึ้นที่อำเภอหลุนไถทางเหนือสุดของเขตทะเลทรายภาคกลางของซินเจียง และอีกสองครั้งในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง

“ปัจจุบันผู้บาดเจ็บทั้งหมดกำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่สถานการณ์โดยรวมกลับสู่ภาวะปกติ และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุของการระเบิดหลายครั้งเหล่านี้”

สื่อทางการจีนเสริมว่า เว็บไซต์ฯ ระบุเหตุระเบิดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมมา

เหตุระเบิดกลางเมืองล่าสุดปะทุขึ้นในเวลาเดียวกับทางการจีนตัดสินโทษเจ้าหน้าที่รัฐและตำรวจท้องถิ่น 17 คน ที่ “มีส่วนรับผิดชอบ” เหตุกลุ่มคนร้ายโพกผ้าปิดหน้าโจมตีในสองเมืองของอำเภอซาเชอของซินเจียง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นำไปสู่การเสียชีวิตของตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ และพลเรือนเกือบ 100 ราย รวมถึงเหตุสังหารอิหม่ามคนสำคัญของท้องถิ่นในสองวันถัดมา

ซินหวาระบุ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์อำเภอซาเชอถูกลดชั้นและปลดออกจากหน้าที่ พร้อมกับคนอื่นๆ ที่ถูกไล่ออก ปรับลดตำแหน่ง และว่ากล่าวตักเตือน ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญญัติกฎหมายระดับเมืองได้รับคำชื่นชมจาก “การรายงานสถานการณ์อย่างทันเวลาและการปฏิบัติหน้าที่อันดีเยี่ยม” ระหว่างเกิดเหตุโจมตี

ส่วนการลอบสังหารนายจูเม่ ทาฮิล (Juma Tayir) อิหม่ามประจำมัสยิดอิด กะห์ เมืองคัชการ์ ซึ่งเป็นรองประธานสมาพันธ์อิสลามประเทศจีน และมีท่าทีสนับสนุนรัฐบาลปักกิ่ง เกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ค. โดยตำรวจตามจับคนร้ายซึ่งพยายามขัดขืนและต่อสู้ด้วยมีดและขวาน ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ สองราย และยอมจำนน 1 ราย

ทั้งนี้ จีนอ้างว่าเหตุความไม่สงบที่ทวีความเลวร้ายและเพิ่มจำนวนขึ้นในซินเจียง เป็นฝีมือของกองกำลังอิสลามและขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่ต้องการตัดแยกแผ่นดินจีนไปตั้งรัฐอิสระ “เตอร์กิสถานตะวันออก” ของตัวเอง โดยสื่อจีนเผยว่า ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยคนต้องตกเป็นเหยื่อของเหตุร้ายในปีที่ผ่านมา

แต่ชาวอุยกูร์พลัดถิ่นและนักสิทธิมนุษยชนก็ค้านว่า เป็นเพราะนโยบายของรัฐบาลกลางที่กดขี่ข่มเหงชาวอุยกูร์ในซินเจียง และการควบคุมการนับถือศาสนาอิสลามอย่างเข้มงวดรัดกุม ที่จุดไฟขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นมา

“นโยบายจีนกำลังผลักดันให้ชาวบ้านต้องใช้วิถีต่อต้านที่ดุร้ายยิ่งขึ้น เพื่อผดุงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีและความยุติธรรม” Dilxat Raxit โฆษกสภาอุยกูร์โลก (World Uyghur Congress) กล่าว “ความยุ่งเหยิงวุ่นวายในพื้นที่นั้นสัมพันธ์กับนโยบายของจีนอย่างชัดแจ้ง”