ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี--กว่าหนึ่งปี ที่สี จิ้นผิง เป็นนายใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ และประมุขแห่งรัฐ ได้ลั่นวาจากวาดล้างคอรัปชั่นโดยจะเด็ดเขี้ยวเล็บเหล่า “เสือใหญ่” บนเวทีการเมืองครั้งประวัติการณ์ของประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน
แม้มีกระแสข่าวการลงจากสังเวียนการเมืองของอดีตคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งพรรคฯและนายใหญ่คุมความมั่นคงภายในประเทศ คือนาย โจว หย่งคัง พ่นออกจากโรงสีข่าวลือมาเป็นเวลาหลายเดือน บรรดานักสังเกตการณ์ก็ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าสีจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับโจว โดยตั้งข้อหาดำเนินคดีแบบเดียวกับที่ทำกับอดีตนายใหญ่พรรคฯประจำนครฉงชิ่ง นาย ปั๋ว ซีไหล หรือไม่ สีจะแหกกฎที่มิได้จารึกลายลักษณ์อักษรของพรรคฯ คือ กฎให้ความคุ้มครองจากการดำเนินคดีแก่สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งหรือปลดระวางจากคณะกรรมการประจำกรมการเมืองของพรรคฯ ซึ่งเป็นองค์กรอำนาจสูงสุดของประเทศ
แต่กระแสกังขาเรื่องชะตากรรมของโจว ก็สลายไปด้วยรายงานข่าวที่ปลอดการเซ็นเซอร์ของสื่อจีน ที่เผยออกมาไม่นานมานี้ นั่นคือรายงานเปิดโปงรายละเอียดอันน่าตกใจเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของสมาชิกในครอบครัว และเหล่าอดีตสมุนลูกน้องของโจว
อาทิ รายงานในเดือนที่ผ่านมา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้บุกค้นบ้านของพี่ชายหรือน้องชายของนายโจว แม้กรณีเหล่านี้ดูไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนายโจว แต่ในไม่ช้าก็เร็วรัฐบาลจีนก็จะตั้งข้อหาเอาผิดกับ “เสือโจว” อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแฉเรื่องน่าขนลุก ที่ชี้ว่าโจวเคยวางแผนสังหารภรรยาคนแรกของตน และกระแสข่าวลือเขย่าวงการในช่วงปีที่แล้วระหว่างกรณีอื้อฉาวของนาย ปั๋ว ซีไหลกำลังถึงจุดลุ้นระทึก ก็คือ โจวพยายามวางแผนลอบสังหารสี จิ้นผิงที่ทำเนียบผู้นำถนนหนันจงไห่
ประเมินจากรายงานฉาวโฉ่ที่กลุ่มสื่อจีนเผยออกมา ก็ดูเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเรื่องอื้อฉาวของโจวจะเป็นกรณีที่น่าสะเทือนอารมณ์ที่สุดและน่ารังเกียจที่สุดบนเวทีผู้นำอาวุโสของพรรคฯ ซึ่งทำให้ “เสือคอรัปชั่น” อย่างนายปั๋ว ซีไหล ที่เป็นพันธมิตรของโจวนั้น ดูเป็นหัวขโมยชั้นกระจอกไป
ทั้งนี้นายปั๋วอดีตผู้นำดาวรุ่งที่เกือบจะไปถึงดวงดาวบนเวทีการเมืองจีนได้เข้าร่วมคณะกรรมการประจำกรมการเมืองฯอยู่แล้วนั้น กลับต้องมาสิ้นอนาคตด้วยคดีอื้อฉาวคอรัปชั่น เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว(2556) ศาลฯได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนายปั๋วในความผิดคอรัปชั่น และแทรกแซงการดำเนินคดีฆาตกรรมชาวอังกฤษ ที่เป็นคู่หุ้นส่วนธุรกิจกับครอบครัวปั๋ว โดยมือสังหารคือ ภรรยาของปั๋ว นางกู่ ไคไหล ศาลฯตัดสินโทษประหารชีวิตโดยรอลงอาญาสองปีแก่นาง กู่เมื่อเดือน ส.ค.ปี 2555
ผู้นำจีนย่างสามขุมถากถางทางไปสู่การดำเนินคดีกับ “เสือโจว” โดยจัดการกับพวกพ้องที่ใกล้ชิดก่อน โดยเป้าหมายแรกคือ โจว ปิน บุตรชาย นักธุรกิจผู้มั่งคั่งจากธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากลและอาจพัวพันกับกิจกรรมอาชญากรรม โดยไม่ยากเลยสำหรับโจว ปินผู้มีบิดากุมอำนาจใหญ่ด้านความมั่นคงภายใน จะกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลจากทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มธุรกิจเอกชนที่ต้องการเส้นสายการเมือง
ธุรกิจของโจว ปิน มีอาทิ เป็นโบรกเกอร์ขายเครื่องมืออุปกรณ์น้ำมันให้แก่อิรัก (ซึ่งก็ทำให้กลุ่มบริษัทน้ำมันของรัฐขาดทุนกันปี้ป่น), โครงการก่อสร้างสถานีพลังงานไฟฟ้าในเสฉวน ทั้งนี้โจว หย่งคังเป็นเลขาธิการพรรคฯ ประจำเสฉวนระหว่างปี 2542-2545, ป้อนข้อมูลด้านเทคโนโลยีให้แก่สถานีแก๊สของรัฐ 8,000 แห่ง, ไปยันการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์, การสำรวจน้ำมัน และเก็บค่าผ่านทางทางหลวง
การเปิดโปงที่นำหายนะแก่โจวมากที่สุดคือ สัมพันธภาพระหว่างโจว ปินกับ นาย หลิว ฮั่น มหาเศรษฐีเหมืองแร่ในเสฉวน ขณะนี้นายหลิวกำลังถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาอาชญากรรมแก๊งมาเฟียและฆาตกรรม นายหลิวสร้างความมั่งคั่งจนได้ขึ้นทำเนียบนักธุรกิจจีนผู้มั่งคั่งอันดับที่ 148 ของฟอร์บประจำปี 2002 สื่อในจีนเผย หลิว ฮั่นกินอาหารมื้อละ 10,000-20,000 หยวน ( ราว 50,000-100,000 บาท) เป็นเรื่องปกติมาก บางมื้อแพงถึง 80,000 หยวน (ราว 400,000 บาท) นายหลิวมั่งคั่งระดับใช้ชีวิตได้สติแตกเช่นนี้ด้วยความช่วยเหลือของนาย โจว ปิน นั่นเอง
อย่างในกรณีหนึ่ง มีรายงานชี้ว่าโจวผู้บุตรได้ใช้เส้นสายทางการเมืองช่วยเหลือนายหลิวขายสถานีพลังงานไฟฟ้าสองแห่งให้แก่บริษัทพลังงานของรัฐ ฟันกำไรถึง 2,200 ล้านหยวน
เป้าหมายที่สองคือ อดีตสมุนมือขวาของโจว หย่งคัง เป็นกลยุทธ์ของหน่วยปราบปรามคอรัปชั่นจีนที่จะจัดการกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่สนิทกับเป้าหมาย โดยขู่คาดโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต หรือขั้นโทษประหาร หากพวกเขาไม่ยอมร่วมมือด้วย ดังนั้น จึงมีกลุ่มเจ้าหน้าที่นับสิบๆคนที่เคยทำงานกับโจวในภาคพลังงานที่เสฉวน และในกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งโจวเป็นนายใหญ่ของกระทรวงฯนี้ระหว่างปี 2545-2550 ถูกจับกุม
เมื่อรัฐบาลจีนประกาศอย่างเป็นทางการจับกุมโจว เรื่องเน่าฟอนเฟะภายในรัฐแห่งพรรคฯ ก็สร้างความตะลึงมึนตื้บแม้กับกลุ่มนักสังเกตการณ์ที่เฝ้ามองสถานการณ์มานานที่สุด สิ่งที่โจว ครอบครัว และพวกพ้องของเขา ทำกันลงไปนั้น ก็คือ พวกแก๊งป่าเถื่อน (gangsterism) และการปล้นสะดมที่ไม่รู้จักพอ
ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ ก็คือกรณีอื้อฉาวของโจวจะต้องเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากมาย เฉพาะในขณะนี้ ก็มีรัฐมนตรี 1 คน, เจ้าหน้าที่ระดับรองผู้ว่ามณฑล 2 คน, ผู้ช่วยรัฐมนตรี 1 คน, และผู้บริหารระดับสูงในกลุ่มบริษัทน้ำมันของรัฐหลายคน ถูกจับกุมตัวไปแล้ว ยังไม่หมด คาดกันว่าจะมีกลุ่มเจ้าหน้าที่อีกจำนวนมากถูกจับกุมในเร็วๆนี้
สำหรับสี จิ้นผิง ผู้ที่จะต้องกุมบังเหียนรัฐมังกรไปอีกนับสิบปี (เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้นำสูงสุดจีนจะเป็นเก้าอี้กันสองสมัย) การเหวี่ยงตาข่ายยักษ์จับตัวโจวได้นั้น จะเสริมสร้างคะแนนนิยมของเขา และเขาก็จะสามารถแสดงให้สาธารณชนจีนที่ยังคลางแคลงได้ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นทางการเมืองในการปราบเหล่า “กังฉิน” จอมเขมือบทำลายล้างชาติผู้ทรงอิทธิพลใหญ่ที่สุด
ที่สำคัญยิ่งกว่าอีกคือ การปราบนักการเมืองใหญ่ที่ก่อนหน้าไม่อาจแตะต้องได้ จะขจัดสิ้นซึ่งความสงสัยเกี่ยวกับอำนาจส่วนบุคคลของสี.
(ล้อมกรอบ)
กล้องสอดแนมจับภาพ คฤหาสน์ ครอบครัวโจว หย่งคัง
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ดำเนินการไต่สวนโจว หย่งคัง อดีต “ซาร์” ด้านความมั่นคงภายในของจีน กลุ่มเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ก็ขุดคุ้ย ค้นหาความมั่งคั่งผิดปกติของครอบครัวและพวกพ้องโจว เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีรายงานเปิดเผยคฤหาสน์ของครอบครัวโจว
เจ้าหน้าที่ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับขนาดย่อม ที่ติดตั้งกล้องถ่ายภาพ (Drone video) เข้าไปเก็บภาพบ้านหลังมหึมาในมณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวโจว กล้องได้บันทึกภาพสองนาที และภาพฯดังกล่าวก็ถูกนำออกเผยแพร่ในเว็บท่ารายใหญ่ เทนเซนต์ (Tencent) เมื่อต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา(2557)
รายงานข่าวสื่อจีนระบุว่าบ้านหลังใหญ่นี้เป็นของลูกชายของโจว คือ นาย โจว ปิน วัย 42 ปี ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นบ้านสองชั้น ล้อมด้วยกำแพงสูงสีขาว ภายในมีสวนจีนแบบเก่า ตั้งอยู่ในหมู่บ้านซีเฉียนโถว เมืองอู๋ซี อันเป็นหมู่บ้านที่บรรพบุรุษโจวถือกำเนิด
จากบทความของนิตยสาร ไฉซิน ที่โพสต์พร้อมกับวีดีโอ ระบุว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่น้องชายสองคนของนายโจว หย่งคัง เคยอาศัยอยู่ บ้านหลังนี้สร้างในปี 2553 โดยสร้างแทนที่บ้านเก่าที่โจวอาศัยในวัยเด็กซึ่งถูกรื้อถอน
ก่อนหน้ามีรายงานสืบสวนสอบสวนของสื่อท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ Oriental Morning Post เปิดเผยโดยอ้างแหล่งข่าวผู้อาศัยอยู่แถวๆนั้น ว่าพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่และนักธุรกิจมาที่บ้านหลังใหญ่นี้แบบหัวกระไดไม่แห้ง แต่พักหลังก็หายหน้ากันไปหมด พวกเขายังบอกว่ามีกล้องสอดแนมติดไว้รอบบริเวณบ้านด้วย
Oriental Morning Post รายงานอีกว่า บรรดาชาวบ้านเห็นโจวครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเม.ย.ที่แล้ว (2556) เขา (โจว) ยังได้บอกแก่ชาวบ้านว่า “นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้มาพบกับพวกคุณ”
สำหรับ นาย โจว ปิน ถูกจับกุมตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่แล้ว(2556) และเป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกไต่สวนในข้อกล่าวหาคอรัปชั่น นอกจากนี้ โจว ปิน อาจถูกตั้งข้อกล่าวหาพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายในมณฑลซื่อชวน (หรือ เสฉวน) และในภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้าธุรกิจในมณฑลเสฉวนและภาคน้ำมันจีน เป็นฐานอำนาจของโจวผู้พ่อ
ชมบ้านของโจว หย่งคัง ในซีเฉียนโถว เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู (เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์)