เอเจนซี - ตำรวจมาเลเซียเผยความคืบหน้าเหตุลักพาตัวนักท่องเที่ยวจีนและคนงานในรีสอร์ททางตะวันออก ชี้อาจมี “คนภายใน” ช่วยลงมือ ด้านผู้นำถิ่นเสือเหลืองเปรย คนร้ายมุ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ
ซินหวา สื่อทางการจีน อ้าง (4 เม.ย.) นาย Datuk Hamza Taib หัวหน้ากรมตำรวจรัฐซาบาห์ของมาเลเซีย ระบุว่า กลุ่มมือปืน 6 คน ได้จู่โจมสิงคามาตา รีฟ รีสอร์ท (Singamata Reef Resort) เมื่อเวลา 22.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (2 เม.ย.) และลักพาตัว กัว หวาอวิน นักท่องเที่ยวชาวเซี่ยงไฮ้ วัย 29 ปี พร้อมกับนางมาร์ซี่ ดายาวัน คนงานรีสอร์ทชาวฟิลิปปินส์ วัย 40 ปี ขึ้นเรือหลบหนีออกไป
“อาจมีใครบางคนในรีสอร์ทที่รู้เห็นเป็นใจกับการก่อเหตุครั้งนี้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเหยื่อเคราะห์ร้ายทั้งสองคนยังคงปลอดภัยดี” หัวหน้าฯ อ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง เขาเสริมว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนไรเฟิล รุ่นเอ็ม14 เข้าข่มขู่ผู้คนในรีสอร์ท ขณะที่คนร้ายอีกกลุ่มเฝ้ารออยู่บนเรือ
เดอะ สตาร์ สื่อท้องถิ่นมาเลเซีย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียสันนิษฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุฯ อาจเป็น “พวกลักพาตัวเรียกค่าไถ” จากแถบหมู่เกาะซูลู (Sulu) และหมู่เกาะตาวีตาวี (Tawi Tawi) ทางตอนใต้สุดของฟิลิปปินส์ โดยมีกลุ่ม “อาบู ไซยาฟ” (Abu Sayaff) อันเป็นกองกำลังแบ่งแยกดินแดนนิยมอิสลาม อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุทั้งหมด
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศและสถานกงสุลของจีนในเมืองกูชิง รัฐซาราวักของมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ (3 เม.ย.) กระตุ้นทางการมาเลเซียเร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกค้นหาและช่วยเหลือเหยื่อเคราะห์ร้ายทั้งสองราย นอกจากนั้นทางการจีนยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังรีสอร์ทที่เกิดเหตุ เพื่อดูแลและคุ้มครองนักท่องเที่ยวทั้ง 61 ชีวิต ซึ่งเป็นพลเมืองจีนกว่า 59 คน
หง เหล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงท้องถิ่นของมาเลเซียดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให่แน่ใจถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ณ ที่อื่นๆ อีกด้วย
ทางด้านนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า “เหตุลักพาตัวดังกล่าวอาจเป็นการลงมือที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ และมีเป้าหมายทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับมาเลเซีย”
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวในจีนแสดงความเห็นว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการท่องเที่ยวมาเลเซียให้ย่ำแย่ลงกว่าเดิมอีก หลังต้องเผชิญกับกรณีเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส สูญหายไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
“เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลเสียหายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังยากที่จะประเมินระดับความรุนแรงที่ชัดเจนได้” หลิว อิง เอเจนซีการท่องเที่ยวต่างประเทศแห่งหนึ่งในนครเทียนจินกล่าว
“ชาวจีนชอบไปพักผ่อนที่มาเลเซีย เพราะมันอยู่ใกล้และใช้เงินไม่มากเกิน แต่ด้วยกรณีเที่ยวบินสูญหายและเหตุลักพาตัวที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ คงยิ่งทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวเลวร้ายมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว”
อนึ่ง ข้อมูลของหน่วยงานการท่องเที่ยวมาเลเซียระบุว่า จีนถือเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ โดยในปี 2556 นักท่องเที่ยวแดนมังกรเดินทางเยือนมาเลเซียเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ทว่าหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส สูญหายอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนในมาเลเซียลดลงเกือบครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว