เอเจนซี - นางมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยื่อนประเทศจีน พร้อมกับมาเลียและซาช่า ลูกสาววัย 15 และ 12 ปี ทั้งสอง กับนางมาเรียน โรบินสัน มารดา เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการท่องเที่ยว ไม่มีประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและปัญหาการค้าฯ ทั้งไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวร่วมฯ
โกลบอลไทม์ส รายงาน (21 มี.ค.) ว่า นางมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน พร้อมกับมาเลียและซาช่า ลูกสาววัย 15 และ 12 ปี ทั้งสอง กับนางมาเรียน โรบินสัน มารดา ตามคำเชิญของนางเผิง หลี่หยวน ภริยาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ไมตรีกับจีน ส่งเสริมการศึกษาและการท่องเที่ยว โดยจะไม่มีประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและปัญหาการค้าระหว่างประเทศ และไม่มีกำหนดการให้ผู้สื่อข่าวร่วมฯ
รายงานข่าวกล่าวว่า นางมิเชล โอบามา เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสฯ (20 มี.ค.) และจะอยู่ที่ปักกิ่งจนถึงวันอาทิตย์ ก่อนไปเยือนเมืองซีอาน และเมืองเฉิงตู ในวันจันทร์ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่เธอเดินทางไปยังต่างประเทศเพียงลำพังโดยไม่มีประธานาธิบดีบารัค โอบามาเดินทางไปด้วย
หม่า เจิ้นกัง ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวกับโกลบอลไทม์สว่า การเยือนของนางมิเชล เป็นการชดเชยจากที่เคยพลาดไม่ได้มาร่วมครั้งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปเยือนและหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่แคลิฟอร์เนีย ปีก่อน และเป็นครั้งแรกที่สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนจีนเพียงลำพัง นับเป็นนิมิตหมายที่พิเศษยิ่งในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ซินหวา รายงานว่า นางมิเชล มีกำหนดการเยี่ยมชมการเรียนการสอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่ง ชมพระราชวังต้องห้าม และรับประทานอาหารเย็น ชมการแสดงต่างๆ พร้อมกับนางเผิง หลี่หยวน
นายหม่า กล่าวว่า แม้จะมีประเด็นฯ การเมืองระหว่างประเทศมากมายระหว่างสองชาติ แต่ประเด็นที่สตรีหมายเลขหนึ่งทั้งสองชาติจะร่วมหารือฯ ตลอด 7 วัน ใน 3 เมือง จะเน้นไปที่ประเด็นทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา
โกลบอล ไทมส์ รายงานว่า วาระฯ ของนางมิเชลนั้นดูจะต่างจากอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งอย่าง นางฮิลารี่ คลินตัน และลอร่า บุช โดยเมื่อปี 1995 นางฮิลารี่ คลินตัน เคยเข้าร่วมประชุมวาระของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิสตรี ในกรุงปักกิ่ง และวิพากษ์ประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีนอย่างรุนแรง จนสะเทือนความสัมพันธ์สองชาติ
จาง เจี่ย ศาสตราจารย์ด้านกิจการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเหรินหมิน กล่าวว่า บทบาทของสตรีหมายเลขหนึ่งทั้งสองชาติ ที่แยกแยะปัญหาต่างๆ และประสานความสัมพันธ์เท่าที่พอจะทำได้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่
