เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์เหนือหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางการจีนออกมาตอกหน้าผู้นำฟิลิปปินส์ว่าเป็นพวก “ไร้การศึกษา” และ “อ่อนหัด” ในเวทีการเมืองโลก
ซินหวา สื่อทางการจีน ลงบทความตอบโต้ความคิดเห็นของนายเบนิกโน อากีโน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หลังเขากล่าวเปรียบเทียบจีนกับกองทัพทหารนาซีของเยอรมัน โดยระบุว่า “ความคิดของผู้นำฟิลิปปินส์เป็นเรื่องโง่เง่า และแสดงให้เห็นธาตุแท้ลึกๆ ว่าเป็นพวกนักการเมืองมือสมัครเล่นที่ไม่ได้รับการอบรมศึกษาทั้งด้านประวัติศาสตร์และโลกแห่งความเป็นจริง”
“นายเบนิกโน เอส.อากีโนที่ 3 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ผู้เข้ากุมอำนาจปกครองประเทศอย่างมีเงื่อนงำ มิคู่ควรที่จะอยู่ในรายนามของรัฐบุรุษแห่งภูมิภาคนี้แม้แต่น้อย”
นอกจากนั้นบทความยังได้วิจารณ์การเลือกเข้าร่วมกับผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยของนายเบนิกโน ซึ่งทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่จีนส่งความช่วยเหลือไปให้ในช่วงที่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ประสบมหาภัยพิบัติพายุไห่เยี่ยนในเดือน พ.ย. 2556
เมื่อไม่นานมานี้ นายเบนิกโนได้ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์คไทมส์ว่า เขาอยากให้นานาชาติช่วยสนับสนุนฟิลิปปินส์ต่อการยืนยันสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ โดยได้ยกตัวอย่างความล้มเหลวของชาติตะวันตกที่สนับสนุนเชโกสโลวาเกียให้ต่อต้านอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ ซึ่งพยายามเข้าครอบครองดินแดนสาธารณรัฐเช็กในปี 2481
“ฟิลิปปินส์จะเผชิญความท้าทายที่ยากขึ้นเรื่อยๆ หากยินยอมยกอาณาเขตให้ทีละเล็กทีละน้อย ดังนั้นบรรดาประเทศผู้นำของโลกไม่ควรทำผิดซ้ำสองด้วยการพะเน้าพะนอกับจีนอีกต่อไป” เบนิกโนกล่าว
“ถ้าวันนี้เราตอบตกลงกับเรื่องที่เราเชื่อว่ามันผิด จะมีสิ่งไหนมารับประกันได้ว่าความผิดนั้นจะไม่เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก”
“มันถึงเวลาที่โลกต้องเตือนจีนให้รู้จักคำว่า ‘พอก็คือพอ’ ได้แล้ว”
อย่างไรก็ดี นายซันนี่ โคโลมา โฆษกของผู้นำฟิลิปปินส์ ได้ออกมาแถลงวานนี้ว่า “นายเบนิกโนเพียงแค่อ้างอิงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เท่านั้น ไม่ได้เจตนาสร้างความขุ่นเคืองใจใดๆ ทั้งสิ้น”
“เฉกเช่นนักเล่าเรื่องทั่วไป ... ประธานาธิบดีมักจะพูดถึงรายละเอียดต่างๆ ของสถานการณ์ โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์คไทมส์ นายเบนิกโนได้กล่าวข้อเท็จจริงอื่นๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผลอยู่ก่อนแล้ว ค่อยนำไปสู่การอ้างอิงถึงฮิตเลอร์ในเวลาต่อมา”