เอเจนซี--วานนี้(29 .ค.) เทศบาลนครกรุงปักกิ่งได้ส่งข้อความสั้นถึงผู้อาศัยในเมือง ขอให้จุดพลุหรือดอกไม้ไฟฉลองตรุษจีน ให้น้อยที่สุด หรือไม่จุดฯเลยเป็นดีที่สุด เนื่องจากวิตกว่าการจุดพลุจะดันระดับค่าฝุ่นละเอียด PM2.5 สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่จีนกำลังเผชิญปัญหามลพิษอากาศ ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากรายงานข่าวสื่อจีน ไชน่า เดลี่
การรณรงค์ต่อต้านการจุดพลุของกรุงปักกิ่ง นับเป็นมาตรการใหม่ในการสร้าง “เมืองสีเขียว” หรือ วิถีอันเป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ การจุดพลุเป็นกิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งในการประพณีการฉลองวันปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 ม.ค. แต่ด้วยความวิตกเรื่องมลพิษอากาศ ประชาชนจำนวนมากก็ยินดีที่จะงดกิจกรรมตามประเพณี โดยผลการสำรวจของสำนักงานสถิตินครเซี่ยงไฮ้ เผยเมื่อวันอังคาร(28 ม.ค.)ประชาชน 85.6 เปอร์เซนต์ บอกว่าพวกเขาจะไม่ซื้อพลุฉลองวันปีใหม่
การห้ามจุดพลุเป็น “สิ่งงี่เง่าที่รัฐบาลมักทำเพื่อที่จะลดมลพิษ มากกว่าที่จะจัดการอย่างจริงจังในการปรับโครงสร้างโรงงานถ่านหินและศูนย์อุตสาหกรรม” แต่เราอาจต้องกลับมาคิดให้ดีๆ การศึกษาระบุว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลในปี 2556 ทำให้ค่าฝุ่นละเอียด PM2.5 ตามเมืองใหญ่ พุ่งกระฉูด ดังนั้น ก็มีเหตุผลในการวิตกกลัวว่าสถานการณ์ในปีนี้จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
สื่ออเมริกัน LA Times เผยแพร่รายงานระบุว่าจีนวิตกการจุดพลุจะทำลายปอดของประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้มาตรการของปักกิ่ง หลายเมืองก็ได้ออกกฎจำกัดวันอนุญาตจุดพลุ อาทิ เมืองหังโจว ได้ออกกฎระเบียบอนุญาตให้ผู้อาศัยในเมืองจุดพลุได้เพียง 3 วัน ระหว่างวันหยุดเทศกาลฯ ลดลงจาก 18 วัน ในปี 2556 นอกจากนี้ หังโจวยังได้ยกเลิกเทศกาลจุดพลุในฤดูใบไม้ผลิ