ผู้แทนประชาชนจีนเสนอโรงพยาบาลทำแท้งนักเรียนนักศึกษาฟรี

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ -สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนทนไม่ไหว จำนวนนักเรียนนักศึกษาแดนมังกรทำแท้งเถื่อนพุ่งสูงจนน่าวิตก เรียกร้องโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งให้บริการทำแท้งโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อแก้ปัญหา

ปัจจุบัน มีนักศึกษาและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจีนทำแท้งเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยหลายคนเลือกไปคลินิกที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ ซึ่งไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยและสุขอนามัยจากรัฐ เพื่อประหยัดเงิน และเก็บเรื่องเป็นความลับ

สถานีวิทยุแห่งชาติจีนรายงานเมื่อปีที่แล้วว่า มีการทำแท้งราว 13 ล้านรายในแต่ละปี และครึ่งหนึ่งของผู้ทำแท้งอายุต่ำกว่า 25 ปี

“นักศึกษาวิทยาลัยเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงสูง ที่จะทำแท้ง” สถานีวิทยุดังกล่าวเตือน

นายเว่ย ไอ้หมิ่น สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนกรุงปักกิ่ง และทนายความประจำบริษัทกฎหมายปักกิ่งตังไต้ ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษาจำนวนมากไปทำแท้งที่คลินิกเถื่อนก็เพราะไม่ต้องการให้พ่อแม่ ครูอาจารย์ทราบ และไม่มีเงินพอ ที่จะไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ

“ โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งในเมืองควรทำแท้งฟรีให้แก่นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ หรือคิดค่าบริการขั้นต่ำสุด 100 หยวน ( ราว 500 บาท)” เขาระบุ

“ นักเรียนนักศึกษาเหล่านี้จะได้ไม่ต้องจำยอมไปคลินิกเถื่อนราคาถูกกว่า”

การทำแท้งในจีนเสียค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปตามความยากง่ายของการดำเนินการ และอายุครรภ์ โดยตามปกติแล้ว การทำแท้งทั่วไปมักเสียค่าบริการต่ำกว่า 500 หยวน (ราว 2,500 บาท) ขณะที่คลินิกเถื่อนมักคิดค่าบริการไม่กี่ร้อยหยวน ซึ่งถูกกว่าโรงพยาบาลทั่วไป

นอกจากนั้น เพื่อลดการตั้งครรภ์โดยไม่พึงปรารถนาในหมู่นักเรียนนักศึกษา เว่ยเสนอให้โรงเรียนจัดหลักสูตรการสอนเพศศึกษาขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะก่อนถึงช่วงปิดภาคเรียนฤดูหนาว และฤดูร้อน ซึ่งจะมีนักเรียนนักศึกษาหาทางทำแท้งกันมาก

“ เด็กสาวที่ตั้งครรภ์สมควรได้รับการดูแลจากรัฐ โดยพ่อแม่ สังคม และรัฐบาลควรร่วมกันช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหา” นายเว่ยชี้แนะ

อย่างไรก็ตาม หลี่ อิ่นเหอ นักสังคมวิทยา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากผลงานการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในจีนมองข้อเสนอ ที่ให้โรงพยาบาลลดค่าบริการทำแท้งของนายเว่ยว่า อาจเป็นดาบสองคม โดยเธอมองว่า มาตรการ ที่เสนอนี้อาจช่วยให้เด็กสาวได้รับการรักษาที่ปลอดภัยกว่าก็จริง แต่ก็อาจเป็นการสนับสนุนให้เด็กนักเรียนนักศึกษามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันได้เช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการส่งเสริมการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน และควรมีการสอนอย่างละเอียดทั่วถึง ไม่ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ

การให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศจะทำให้นักเรียนนักศึกษาหญิงสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าจะมีวิธีป้องกันที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ตั้งครรภ์โดยไม่พึ่งประสงค์ได้อย่างไร โดยทางโรงเรียนต้องมีการประเมินผลด้วยว่า นักเรียนนักศึกษามีการนำความรู้จากการเรียนนี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร
หลี่ย้ำด้วยว่า หน่วยงานด้านการศึกษาของรัฐคือผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างมากต่อการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในหมู่เด็กนักเรียนนักศึกษา ที่มีอยู่จำนวนสูงมากในเวลานี้