เอเจนซี-แกมเบียแถลงเมื่อวานนี้(14 พ.ย.) รัฐบาลแกมเบียได้ตัดสัมพันธ์การทูตกับไต้หวัน ที่ดำเนินมาเป็นเวลา 18 ปี เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ
ประธานาธิบดี ยาห์ยา แจมเมห์ (Yahya Jammeh) แห่งสาธารณรัฐแกมเบีย แถลง สัมพันธทางการทูตกับไต้หวันที่ดำเนินมาตั้งปี 2538 ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของชาติ
“เรามีความภาคภูมิใจในสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐจีนเป็นเวลานาน 18 ปี แม้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเราได้สิ้นสุดลงแล้วก็ตาม เราก็ยังคงเป็นมิตรกับประชาชนไต้หวัน” แจมเมห์ แถลง
ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งยืนกรานไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน แม้หลังจากที่ผู้นำเจียงไคเช็ค แพ้สงครามกลางเมือง ถอยร่นไปตั้งรัฐบาลแยกต่างหากที่เกาะไต้หวันเมื่อปี 2492 และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้หันมารับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนของผู้นำคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2514 แทนที่สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ชาติส่วนใหญ่ในกาฬทวีปก็ยังรับรองไต้หวัน
ในไม่กี่ปีมานี้ จีนอัดฉีดความช่วยเหลือนับพันล้านมาให้แก่ทวีปแอฟริกา และหลายชาติในแดนกาฬทวีปนี้ก็ได้ทะยอยยุติความสัมพันธ์การทูตกับไต้หวัน เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ฯกับจีน เมื่อแกมเบียแถลงยุติความสัมพันธ์ฯในวันพฤหัสฯ(14 พ.ย.) ก็เหลือเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงสัมพันธ์การทูตกับไต้หวัน ได้แก่ สวาซิแลนด์, เซาตูเมและปรินซิปี, และบูร์กินาฟาโซ โดยทั้งสามประเทศนี้อยู่ในแอฟริกา
สำหรับไต้หวันได้อัดฉีดความช่วยเหลือนับหลายล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งภาคบริการด้านสุขภาพ การศึกษา การเกษตรและโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศแกมเบียที่ขาดแคลนทรัพยากร และเป็นชาติที่เล็กที่สุดในแอฟริกาตะวันตก
ไต้หวันได้ให้ทุน 22 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับก่อสร้างถนน 42 กิโลเมตร เชื่อมจากภาคตะวันตกของแกมเบียไปยังเมืองหลวงบันจูล ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว ได้เยือนแกมเบียในปี 2555
ในปี 2553 ประธานาธิบดี แจมเมห์ แห่งแกมเบีย กล่าวว่า “ไต้หวันเป็นหนึ่งในมิตรที่ดีที่สุดที่แกมเบียเคยมีมา” พร้อมให้คำมั่นสัญญา “จะทุ่มความสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อยืนยันในสถานภาพที่ถูกต้องบนโลกของพวกเขา”