เอเอฟพี - ทางการกรุงไทเปเผย สหรัฐฯ ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่ 6 ลำแรก อากาศยานทรงพลังรุ่นล่าสุดสู่กองทัพไต้หวัน ตามสัญญาความร่วมมือทางการทหารมูลค่านับพันล้านดอลลาร์
รายงานข่าว (5 พ.ย.) อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันว่า กองทัพไต้หวันได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์รุ่น AH-64Es หรืออาปาเช่ (Apache) จำนวน 6 ลำแรกจากสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจัดส่งมายังท่าเรือเกาสุงทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน เมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ไต้หวันและสหรัฐอเมริกาได้ทำข้อตกลงความร่วมมือทางการทหารระหว่างกัน มูลค่ากว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2551 โดยมีแผนจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่น AH-64Es หรืออาปาเช่ หนึ่งในอากาศยานสู้รบอันทรงพลังที่สุดของโลก จำนวน 30 ลำ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงดังกล่าวด้วย
สื่อไต้หวันระบุว่า เดิมทีกำหนดการส่งมอบต้องกระทำตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ทว่ามีเหตุให้เลื่อนเวลาออกไป เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับสภาวะหยุดการทำงานทุกภาคส่วนกะทันหัน โดยเฮลิคอปเตอร์ส่วนที่เหลือจะถูกจัดส่งตามมาในเดือน ธ.ค. อีก 6 ลำ ขณะที่อีก 18 ลำ จะทยอยส่งถึงมือกองทัพไต้หวันภายในปี 2557
อนึ่ง ไต้หวันแยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากผู้นำเจียง ไคเช็ค แพ้สงครามกลางเมืองในปี 2492 โดยจัดตั้งรัฐบาลของตนเองขึ้นต่างหาก จนกระทั่งนายหม่า อิงจิ่ว ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีไต้หวันครั้งแรกในปี 2551 และครั้งที่สองในปี 2555 เขาได้ดำเนินนโยบายกระชับสัมพันธ์กับจีนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งยังคงยืนยันว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่รอการรวมกลับสู่แผ่นดินในที่สุด แม้จะต้องใช้กำลังหากมีความจำเป็นก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ปธน.หม่าจึงเน้นย้ำว่า ไต้หวันยังคงต้องพัฒนาความสามารถในการป้องกันตนเอง โดยเสริมสร้างสรรพาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยต่อไป
“แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีนจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วง 5 ปีมานี้ แต่จีนมิได้เปลี่ยนแปลงเป้าหมายของกองกำลังไปจากไต้หวันเลย เราจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมกองทัพสำหรับการสู้รบอยู่เสมอ” ปธน.หม่า กล่าวในงานเปิดตัวเครื่องบินรบลาดตระเวนและปราบเรือดำน้ำ (submarine-hunting aircraft) รุ่น พี-3ซี (P-3C) ลำแรกของไต้หวัน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา