เอเอฟพี - นักวิเคราะห์เตือนเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ แม้ปรากฎสัญญาณการฟื้นตัวจากภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคม ที่โตแข็งแกร่งสุดในรอบ 18 เดือนก็ตาม
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน หรือ เอ็นบีเอส แถลงเมื่อวันศุกร์ (1 พ.ย.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ หรือ พีเอ็มไอ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความแข็งแกร่งของภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของจีน ขยับขึ้นร้อยละ 51.4 จากร้อยละ 51.1 ในเดือนกันยายน อันเป็นการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 18 เดือน จากพีเอ็มไอร้อยละ 53.3 ในเดือนเม.ย. 2555 โดยดัชนีพีเอ็มไอ ซึ่งอยู่เหนือระดับร้อยละ 50 หมายถึงการขยายตัวของภาคการผลิต
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า นี่เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกกำลังค่อย ๆ หลุดพ้นจากภาวะการชะลอการเติบโต ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี หลังจากจีนเพิ่งประกาศจีดีพีไตรมาส 3 เมื่อเดือนที่แล้ว โตถึงร้อยละ 7.8 ซึ่งขยายตัวครั้งแรก หลังจากชะลอต่อเนื่องมา 2 ไตรมาส
สอดคล้องกับผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อประจำเดือนตุลาคมของจีน ซึ่งทำโดยธนาคารเอชเอสบีซีของอังกฤษ ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน ที่ร้อยละ 50.9 จากร้อยละ 50.2 ในเดือนกันยายน โดยนายฉู่ หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอชเอสบีซีประจำจีนระบุว่า เศรษฐกิจแดนมังกรกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม นายเจ้า ชิงเหอ นักวิจัยของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนกล่าวเตือนในเว็บไซต์ของเอ็นบีเอสว่า แรง ที่ผลักดันให้ดัชนีพีเอ็มไอประจำเดือนต.ค. ปรับขึ้นนี้ มีความไม่สมดุลกัน เนื่องจากดัชนีย่อย (subindex) ตัวอื่น ๆ นอกเหนือจากดัชนีชี้วัดการผลิต ยังคงปรับขึ้นไม่มากนัก นอกจากนั้น บริษัทผู้ประกอบการรายย่อย “ยังคงเผชิญความยากลำบากอีกหลายประการ” โดยนายเจ้าเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินมาตรการส่งเสริมบริษัทผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อเสริมพื้นฐานเสถียรภาพเศรษฐกิจจีนให้แข็งแกร่ง
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอริล ลินช์เตือนว่า อย่ามองดัชนีพีเอ็มไอเดือนตุลาคมของจีนดีเกินไปนัก เนื่องจากโอกาส ที่ดัชนีพีเอ็มไอ จะปรับขึ้นต่อไปอีกนั้นมีจำกัด อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของดัชนีพีเอ็มไอเดือนตุลาคมส่วนใหญ่ เป็นเพราะได้รับแรงหนุนจากผลผลิต ที่เพิ่มมากกว่าเดิม อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับแรงหนุนจากสินค้าคงคลัง ที่มีเพิ่มเข้ามา
บรรดานักวิเคราะห์ยังเตือนให้ดูที่คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ซึ่งรวมทั้งการส่งออก ที่ยังคงชะลอตัว บ่งชี้ความต้องการบริโภคทั้งในและนอกประเทศ ที่ยังคงมีไม่มากเท่าใด
ด้านโนมูระ อินเตอร์เนชั่นแนลคาดการณ์จีดีพีของจีนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ว่า จะลดการเติบโตลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 และร้อยละ 6.9 ในปีหน้า