xs
xsm
sm
md
lg

สื่อจีนโต้ ทำเนียบขาวฯ หลังปรามจีนรุนแรงในซินเจียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธ ขณะยืนคุมพื้นที่ในเมืองอูรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (ภาพรอยเตอร์ส)
เอเยนซี - สื่อจีนโต้ ทำเนียบขาวและสื่อสหรัฐฯ ปั่นเรื่องยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายและการก่อการร้ายในมณฑลซินเจียงของจีน หลังสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุจลาจลคนร้ายโจมตีสถานีตำรวจมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย และโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงห่วงใย เรียกร้องให้มีการสอบสวน เปิดเผยเรื่องราวอย่างโปร่งใส

สื่อต่างประเทศรายงาน (2 ก.ค.) อ้างบทความของหนังสือพิมพ์พีเพิ่ลเดลี่ สื่อของทางการจีน เขียนบทความกล่าวหาว่า ทำเนียบขาวและสื่อสหรัฐฯ ปั่นเรื่องยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายและการก่อการร้ายในมณฑลซินเจียงของจีน หลังสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุจลาจลคนร้ายโจมตีสถานีตำรวจมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย โดยอ้างว่า ทางการจีนไม่ยอมรับเหตุจูงใจของความรุนแรงที่เกิดขึ้น ว่ามาจากความขัดแย้งภายใน อาทิ ปัญหาเชื้อชาติศาสนา แต่เป็นการกระทำจากกลุ่มลัทธิก่อการร้ายภายนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. โฆษกกระต่างประเทศจีน หวา ชุนเป่า แถลงในที่ประชุมข่าวในกรุงปักกิงประนาม กลุ่ม "เตอร์กิสถานตะวันออก" (East Turkestan) ร่วมมือกับลัทธิก่อการร้ายระหว่างประเทศ เคลื่อนไหวความรุนแรงในซินเจียงวันเดียวกันหน่วยพิทักษ์สันติราษฏร์ในซินเจียง ออกประกาศประณามกลุ่มลัทธิแบ่งแยกดินแดน และลัทธิก่อการร้าย ระบุเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ และศัตรูของประชาชน พร้อมตั้งรางวัล 50,000-100,000 หยวน แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มลัทธิก่อการร้าย

สื่อรัฐบาลจีนได้เผยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. กล่าวโทษประชาชนจำนวน 100 คนว่า เป็นผู้แบ่งแยกดินแดนที่มักจะก่อจลาจลในซินเจียง ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมอุยกูรย์ วิจารณ์ว่าเป็นเพราะนโยบายบริหารของรัฐบาลจีน การกดขี่และไม่เสมอภาค และมีการกีดกันทางศาสนา

พีเพิลเดลี ระบุโต้คำแถลงจากสหรัฐฯ ว่า "สหรัฐฯ คงกลัวว่าจีนจะสงบ และไม่มีความรุนแรงอะไร" พร้อมทั้งลงความเห็นว่า "พฤติกรรมสองมาตรฐานของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการก่อการร้าย ช่างเหมือนบทบาท ผู้ยั่วยุ และผู้เมตตา พอๆ กับบทบาทผู้สมรู้ร่วมคิดกับการก่อการร้าย

บทความของพีเพิลเดลี เป็นการโต้ตอบแถลงการณ์ของ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย. ที่แถลงว่า มีความเป็นห่วงใยอย่างมาก เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในซินเจียง และเรียกร้องให้มีการสอบสวน เปิดเผยเรื่องราวอย่างโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บทความฯ ระบุว่า ถ้าสหรัฐฯ จะใช้ตรรกะอ้างเรื่องนโยบายบริหารรัฐบาล ก่อความขัดแย้งภายในระหว่างชนกลุ่มน้อยและกีดกันศาสนากันได้ เช่นนี้ เวลาเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย เช่น 9/11 และ มาราธอนบอสตัน ก็สามารถประณามนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เช่นเดียวกัน และย้ำว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในซินเจียง ไม่ใช่ปัญหาภายในระหว่างชนกลุ่มน้อย หรือปัญหาความขัดแย้งทางการนับถือศาสนา

ซินหวารายงานว่า หลังจากที่เกิดเหตุจลาจลใหญ่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ในเขตปกครองพิเศษซินเจียงอุยกูร์ โดยกลุ่มคนร้ายที่มีมีดเป็นอาวุธ ได้บุกโจมตีสถานีตำรวจและที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง จุดไฟเผารถตำรวจหลายคัน ไล่ฟันแทงเจ้าหน้าที่และประชาชนจนมีผู้เสียชีวิต ก่อนที่ตำรวจจะเริ่มตอบโต้เปิดฉากยิง ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น ไม่น้อยกว่า 35 ศพ อันเป็นความสูญเสียสูงสุด รองจากที่เคยเกิดเหตุการณ์จลาจลเมื่อปี 2552 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 ราย

นอกจากนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ยังได้มีกลุ่มคนร้าย เข้าทำร้ายประชาชนจำนวนหนึ่ง ด้วยอาวุธหลังจากได้ทำการชุมนุมกันบริเวณถนนย่านมัสยิดท้องถิ่นซ้ำอีก

รายงานของสื่อต่างประเทศ ยังได้อ้างความเห็นของโกลบอลไทมส์ สื่อของทางการจีนเครือเดียวกับพีเพิล เดลี ที่กล่าวหาว่า ผู้ก่อความรุนแรงเป็นสมาชิกของขบวนการ “องค์การปลดปล่อยเตอร์กิสถานตะวันออก” (East Turkistan Liberation) ซึ่งได้รับการฝึกก่อการร้ายจากซีเรีย ว่านับเป็นครั้งแรกที่จีนชี้เป้ากล่าวโทษกลุ่มกองกำลังในซีเรีย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในซินเจียง และสรุปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำจากภายนอกประเทศ โดยมีหลักฐานจากการจับกุมคนร้ายวัย 23 ปีคนหนึ่ง ที่พบว่า เป็นชาวจีนชื่อ มาอิมาตี อาอิลี อยู่ในสังกัดของกลุ่ม “ขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก” (East Turkistan Islamic Movement : ETIM) และเคยรบในสงครามซีเรียด้วย โดยนายมาอิมาตี กล่าวสารภาพว่า ขบวนการดังกล่าว เป็นผู้ออกคำสั่งให้ก่อความรุนแรงในซินเจียง ขณะที่สภาอุยกูรย์โลก โต้แย้งเรื่องนี้ว่า เป็นการบิดเบือนของจีน และระบุว่า ชีวิตของชาวอุยกูรย์ทุกวันนี้ ก็เหมือนอยู่ในคุก มีความกดดันเก็บกด และทางออกเดียวคือความรุนแรง

ล่าสุด วันเสาร์ที่ผ่านมา พื้นที่สำคัญๆ หลายแห่งในซินเจียงถูกล้อมปิดด้วยกองกำลังทหารมากกว่า 1,000 นาย โดยเฉพาะเมืองอุรุมชี เมืองเอกของซินเจียง นับเป็นเวลาแห่งความตึงเครียดของช่วงครบรอบความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 และยังจะเข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน ที่ชาวมุสลิมถือศีลอดทั้งเดือน อันถือเป็นเดือนที่สำคัญที่สุดเดือนหนึ่ง
โฆษกกระต่างประเทศจีน หวา ชุนเป่า แถลงในที่ประชุมข่าวในกรุงปักกิงประณาม กลุ่ม เตอร์กิสถานตะวันออก East Turkestan ร่วมมือกับลัทธิก่อการร้ายระหว่างประเทศ เคลื่อนไหวความรุนแรงในซินเจียง วันเดียวกันหน่วยพิทักษ์สันติราษฏร์ในซินเจียง ออกประกาศประณามกลุ่มลัทธิแบ่งแยกดินแดน และลัทธิก่อการร้าย ระบุเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ และศัตรูของประชาชน พร้อมตั้งรางวัล 50,000-100,000 หยวน แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มลัทธิก่อการร้าย (ภาพจากเว่ยปั่ว)
กำลังโหลดความคิดเห็น