หวั่นวิตก ศก.จีน หลังยอดปล่อยกู้ฯ เดือน พ.ค. ตกฮวบ

เอเยนซี - ธนาคารกลางจีนเผย ยอดรวมตัวเลขเงินกู้เดือน พ.ค. ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายฝ่ายวิตกว่าจะเกิดผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน

สื่อจีนรายงาน (10 มิ.ย.) อ้างคำแถลงธนาคารกลางจีน ว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บรรดาธนาคารพาณิชย์ ได้คุมเข้ม-ลดการปล่อยเงินกู้ จนทำให้ยอดรวมตัวเลขเงินกู้ลดลงมาก เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน และทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าจะเกิดผลกระทบต่อการเติบโต ของเศรษฐกิจจีน

ธนาคารกลางแถลงว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารจีน ได้ ปล่อยเงินกู้งวดใหม่ มูลค่ารวม 667,400 ล้านหยวน น้อยกว่าเดือน ก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 792,900 ล้านหยวน และยังต่ำกว่าผลสำรวจตัวเลขปล่อยกู้ฯ ที่คาดไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ 821,300 ล้านหยวน นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนด้านต่างๆ ประจำเดือนพฤษภาคม ที่ได้เปิดเผยมา ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ในไตรมาสข้างหน้า ขณะที่เร็วๆ นี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักฯ ทะยอยออกมาปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ อาทิ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ดอยซ์แบงก์ ต่างปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปี 2556 อยู่ที่ 7.75%, 7.8%, 7.9% และ 7.7% ตามลำดับฯ

สำนักข่าวซินหวา รายงานว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันชั้นนำซึ่งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล คงจะยังยอมรับการลดลงของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาส หากอยู่ในระดับร้อยละ 7 ก่อนที่จะพิจารณากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ มากกว่ามาตรการกระตุ้นระยะสั้น แม้ว่า บรรดานักวิเคราะห์เอกชน ต่างคาดหวังว่า รัฐบาลฯ จะใช้นโยบายกระตุ้นการบริโภค และการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไป แต่กระนั้นก็เข้าใจว่า การลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์กลับมาพุ่งขึ้น รวมทั้งอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออีก