เอเยนซี - ชาวฮ่องกงร่วมรำลึก 10 ปี การจากไปของ "เลสลี่ จาง" ซูเปอร์สตาร์ ผู้จบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2546 ในวัย 46 ปี
สื่อจีนรายงาน (31 มี.ค.) ว่าวันที่ 1 เม.ย. นี้ถือเป็นวาระครบรอบการเสียชีวิตปีที่ 10 ของ เลสลี่ จาง นักร้องนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ และยังคงอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวฮ่องกง โดยงานรำลึกการจากไปของเลสลีจางนี้ ได้มีการจัดขึ้นทุกปีที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในฮ่องกง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาจบชีวิตตัวเอง ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นที่ 24
รายงานข่าวกล่าวว่า บรรดาแฟนเพลงและแฟนภาพยนตร์ของ เลสลีจาง ยังคงมาร่วมรำลึกกันเช่นทุกปี และในปีที่ 10 นี้ แฟนๆ ยังได้ร่วมกับพับนกกระเรียนกระดาษ เพื่อรำลึก เป็นจำนวนถึง 1,956,912 ตัว อันสื่อความหมายพิเศษ ถึงวันคล้ายวันเกิดของเขา วันที่ 12 กันยายน ค.ศ.1956
นอกจากงานรำลึกประจำปีของ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล แล้ว ปีนี้ตามสถานที่ต่างๆ ในฮ่องกง ยังได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น งาน Miss You So Much Leslie ที่ เอชเค ไทมส์สแควร์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ไปจนถึง 1 พฤษภาคม ซึ่งประชาชนจะได้ชมนิทรรศการผลงานของเขาทั้งในด้านภาพยนตร์ อาทิ Days of Being Wild (1991), Ashes of Time(1994), Happy Together(1997), Who's the Woman, Who's the Man (1996), Farewell My Concubine(1993) รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง A Chinese Ghost Story (1987) โปเยโปโลเย ภาพยนตร์ยอดนิยมตลอดกาล อันเป็นที่มาของชื่อเล่น 'เกอเกอ' แปลว่า พี่ชาย ที่ ผีสาว เนี่ย เสี่ยวเชี่ยน(หวัง จู่เสียน) ใช้เรียกพระเอก หนิง ไฉ่เฉิน (เลสลี จาง)
งานรำลึก 10 ปีครั้งนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่จะมีการนำเสื้อผ้าของเขา ซึ่งเคยใช้ในการแสดง และรางวัลเกียรติยศต่างๆ ที่ได้รับระหว่าง 2 ทศวรรษที่อยู่ในวงการ ออกมาจัดแสดงฯ อันว่ากันว่ามากมายเหลือเกิน ขนาดที่ว่า ปีเตอร์ ชาน ผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งเคยร่วมงานกับเขา ได้กล่าวชื่นชมว่า เลสลีจางมีความสามารถในระดับที่ช่วยโอบอุ้ม ยกมาตรฐานผู้แสดงร่วมกับเขาได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ในการถ่ายทำ ยังช่วยจัดวางทุกอย่างในเฟรมภาพให้ชนิดที่ว่า ผู้กำกับฯ แทบไม่ต้องทำงานอะไรเลย ขณะที่ บรรดานักวิจารณ์ภาพยนตร์ตะวันตก ก็ยอมรับว่าพลังในการแสดงอารมณ์ด้านในของตัวละครของเลสลี จางนั้น อยู่ในระดับนักแสดงชั้นนำของวงการภาพยนตร์โลก
เหลียงเฉาเหว่ย ซึ่งมาร่วมงานรำลึกฯ ในวันที่ 1 เม.ย. ด้วย ได้กล่าวถึง เลสลีจาง ว่า มีประโยคหนึ่งในภาพยนตร์ Days of Being Wild ที่เลสลีจางชอบ มากคือ ประโยคที่ว่า "อะไรที่เราอยากจำ เราก็จะจำมันตลอดไป" ซึ่งตอนนี้ตนเองถึงจะเพิ่งได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เลสลี่จากไปนานมากกว่า 3,000 วันแล้ว แต่ทุกวันนี้เราก็ยังคิดถึงเขาเหมือนเพิ่งจากกันไปไม่กี่วัน และเราก็อยากจะเพียงได้รู้ว่าเขาคิดถึงพวกเราบ้างไหม
รายงานข่าวกล่าวว่า เลสลี จาง ผู้ซึ่งกำลังมีชีวิตที่รุ่งโรจน์สุดขีด ประสบความสำเร็จในทุกด้าน เป็นหนึ่งในดาราชาวเอเชียที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังระดับนานาชาติ แต่มาด่วนจบชีวิตตนเอง ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นที่ 24 ของ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในฮ่องกง ครั้งนั้น เป็นข่าวช็อกไปในหลายประเทศทั่วเอเชีย พร้อมกับข้อกังขาถึงปมเหตุการฆ่าตัวตายครั้งนี้ว่านอกเหนือจากความซึมเศร้าที่สั่งสมมานานปีแล้ว ยังมีข่าวลือว่าเขาไม่สามารถสลัดบทบาทในภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย Inner Senses (ผีอยากให้คนเห็น) ที่เขาแสดงเป็นจิตแพทย์ และเกือบจบชีวิตลงด้วยการดิ่งจากตึกสูงเช่นกัน
ขณะเดียวกันหลายฝ่ายยังสันนิษฐานว่าการเสียชีวิตของเขาอาจมีสาเหตุจากปัญหาชีวิตและความรัก ซึ่งทุกครั้งล้วนต้องจบลงอย่างเศร้าสร้อย ขณะที่ ชาวเน็ตฯ จีน หลายคนกล่าวยอมรับว่า เลสลี่ จาง มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนทัศนคติในเชิงลบ และความรังเกียจ ที่เคยมีต่อชายรักร่วมเพศในจีน ขณะที่ต่อมาในปี 2544 กระทรวงสาธารณสุขจีน ก็ได้ถอดคำว่า "รักร่วมเพศ" ออกจากบัญชีรายชื่อโรคจิตเภท
"I am what I am" บทเพลงในความทรงจำและความระลึกถึง "เลสลี จาง"
เลสลี จาง เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนักร้องเมื่อปีพ.ศ. 2520 และโด่งดังสร้างปรากฎการณ์ เป็นเจ้าพอ่เพลงป็อปจีนยุคใหม่ ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์และแสดงความสามารถทางการแสดงจนประจักษ์แก่ผู้ชมทั้งในระดับเอเชียและนานาชาติ ตลอด 20 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง เลสลี่ จาง มีผลงานเพลงมากกว่า 30 อัลบั้ม และผลงานภาพยนตร์มากกว่า 30 เรื่อง
ทุกครั้งที่มีงานรำลึำกฯ หลายๆ เพลงอันเป็นผลงานในอดีตของเขา จะถูกเปิดคลอเพื่อขับกล่อมดวงวิญญาณที่จากไปรวมทั้งจิตวิญญาณของผู้อาลัยที่ยังอยู่ และหนึ่งในเพลงที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆ ก็คือ "I am what I am" ซึ่งหลายๆ คนเชื่อว่าถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และตัวตนของนักร้องนักแสดงนัยน์ตาเศร้าผู้นี้ออกมาได้อย่างชัดเจน
"I am what I am ฉันรักตัวฉันที่เป็นแบบนี้เสมอมา...ฉันคือฉัน คือควันไฟที่มีสีสันหลากหลาย ฟ้ากว้างทะเลไกล จะล่องลอยไปอย่างเข้มแข็ง..."
"I am what I am" คำร้องเพลงนี้เขียนโดยนักแต่งเพลงชื่อดัง หลินซี (林夕) ซึ่งมีผู้ให้ความเห็นไว้ว่ามีเพียง หลินซี เท่านั้นที่จะแต่งเพลงแบบนี้ออกมาได้ และมีเพียง เลสลี จาง คนเดียวที่จะร้องเพลงนี้ได้เช่นกัน หลินซี เคยยอมรับว่าชอบทำงานเลสลี จางมาก เนื่องเพราะเขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ในทุกตัวอักษรในบทเพลงออกมาได้อย่างหมดจด ซึ่งเพลงนี้เลสลี จางเป็นผู้แต่งทำนองเอง วางแผงครั้งแรกเมื่อปี 2000 โดยมีทั้งฉบับภาษากวางตุ้ง และภาษาจีนกลาง ซึ่งซุปเปอร์สตาร์ผู้ล่วงลับเคยให้สัมภาษณ์ว่าชื่นชอบเพลงนี้มาก โดยเฉพาะฉบับภาษาจีนกลางปี 1990 เลสลี จาง ถูกผู้กำกับสุดแนวชื่อดังแห่งฟ้าบังเทิงฮ่องกง นาม หว่อง กาไว ชักนำเขามารับบทบาทใน Days of Being Wild หนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้านวงการหนังฮ่องกงยุคนั้น และทำให้เลสลี จางได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Awards ไปครอง
"ฉันเคยได้ยินคนอื่นบอกว่าในโลกนี้มีนกประเภทหนึ่งที่ไม่มีเท้า มันได้แต่บินไป บินไปข้างหน้า บินเหนื่อยเมื่อไหร่ก็นอนหลับอยู่ในสายลม นกประเภทนี้ตลอดชีวิตจะลงสู่พื้นดินเพียงครั้งเดียว นั่นคือตอนที่มันตาย" คือประโยคในหนังที่กลายเป็นหนึ่งในวรรคทองของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เอเชีย และหากเปรียบ เลสลี จาง เป็นนกตัวหนึ่ง เขาย่อมเป็นนกที่มีปีกอันทรงพลังอีกทั้งจิตใจที่ทรหดอย่างยิ่ง เป็นนกที่โบยบินผ่านอุปสรรคนานับปการ และทิ้งไว้เพียงร่องรอยของปีกบนยอดสูงสุดแห่งความสำเร็จที่เขาเคยผ่าน