"สมัยที่นายกฯ หลี่ เค่อเฉียงเป็นนักศึกษา เขามีความกระตือรือร้น หัวคิดก้าวหน้า วาจาเฉียบคม" นายหวัง จินเทา เพื่อนนักเรียนของหลี่ระบุในบันทึกส่วนตัว "เขามีความคิดความชอบอิสระเป็นของตัวเอง ทว่าเขาก็ไม่ได้ท้าท้ายรัฐบาลในประเด็นสลักสำคัญอะไร โดยส่วนตัวแล้วหลี่เป็นคนที่ต้องการจะประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า"
นักเคลื่อนไหวจีนในต่างแดนอีกคน นามหู ผิง รำลึกย้อนไปในช่วงทศวรรษ 1980 ว่า หลี่เป็นหนึ่งในสมาพันธ์นักศึกษา ขณะนั้นหลี่สนับสนุนการเลือกตั้งในรั้วมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงกันมาก หลี่เห็นด้วยกับนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนประชาธิปไตยอย่างเด่นชัด ขณะนั้นผู้นำหัวเก่าของพรรคคอมมิวนิสต์ต่างก็ตกตะลึงในกิจกรรมเลือกตั้ง ที่ไม่อาจรับได้
หลังจากการเลือกตั้ง ผมได้คุยกับหลี่ ในประเด็นการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยและอนาคตทางการเมืองของจีน หู ผิงกล่าวกับสื่อต่างประเทศ
ในมหาวิทยาลัย หลี่ได้ช่วยงานศาสตราจารย์กง ซึ่งห้องเรียนของเขาเปรียบเสมือนแปลงเพาะพันธุ์ความคิดเสรีที่นำเข้าจากนอกล้วน ๆ กงได้รับปริญญาจากลอนดอน สกูล ออฟ อิโคโนมิคส์ (แอลเอสอี) และเป็นนักศึกษาของเฉียน ตวนเซิง ศาสตราจารย์แห่งฮาร์วาร์ดในช่วงทศวรรษ 1930 ผู้ก่อตั้งสถาบันรัฐธรรมนูญศึกษาในจีนยุคร่วมสมัย และเป็นผู้นำหลักในการร่างธรรมนูญการปกครองหลายต่อหลายครั้ง ให้แก่พรรคก๊กมินตั๋ง และพรรคคอมมิวนิสต์
กงเป็นผู้ควบคุมให้หลี่ และอีกสองนักศึกษา ร่วมกันแปลหนังสือ The Due Process of Law (กระบวนการและวิถีทางตามกฎหมาย)
ในฐานะที่เป็นนักเรียนในกำกับของศ.กง ทำให้หลี่เป็นนักเรียนที่เห็นความสำคัญของประชาธิปไตย ตลอดจนการแปลตำรากฎหมายชั้นครู ทำให้หลี่น่าจะมีความลุ่มลึกในด้านหลักนิติธรรมและระบบรัฐธรรมนูญสมัยใหม่ อดีตนักเรียนของศ.กงอีกคนกล่าว
ทว่าผู้ติดตามการเมืองจีนเผยว่า ประสบการณ์ของหลี่ในอดีตไม่ได้แสดงว่าเขาเป็นคนบุกเบิกหรือเป็นผู้นำกระบวนการเสรีนิยมแต่อย่างใด ขณะที่คนในของพรรคคอมมิวนิสต์ก็บอกว่าเขาเป็นนักการเมืองที่เปลี่ยนสีได้ตามสถานการณ์ เขาอยู่ในระบบอย่างเคร่งครัด และอุทิศตัวเป็นกลไกหนึ่งของระบบเท่านั้น
พื้นภูมิตระกูล
หลี่ ถือกำเนิดในตระกูลขุนนางเก่าของจีน และได้รับการอบรมด้านปรัชญาจีนตลอดจนวัฒนธรรมต่าง ๆ พอสมควร ก่อนที่จะเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
พ่อของหลี่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในระดับอำเภอ ต่อมากลายเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลโบราณสถานและบันทึกทางประวัติศาสตร์ในมณฑลอานฮุย ส่วนหลี่ผู้ลูก ถูกสอนให้ท่องงานเขียนชิ้นเอกอุของจีนโบราณในวัยเด็กหลายเล่ม
อดีตเจ้าหน้าที่ของสันนิบาตเยาวชนจีนคนหนึ่งบอกว่า หลี่เป็นคนสุขุมรอบคอบ เท่าที่จำความได้ ทุกครั้งที่มีการเจรจา หลี่จะไม่เป็นคนเริ่มเจรจาก่อน เขาคุมอารมณ์ได้เก่ง ไม่เคยแสดงอาการไม่พอใจหรือเบรกแตกให้ได้เห็นมาก่อน
เฉิง หลี่ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและเจ้าหน้าที่อาวุโสแห่งศูนย์จอห์น แอล ธอร์ตัน ไชน่า ณ สถาบันบรู้กกิ้งส์ในวอชิงตันเยว่า นโยบายของหลี่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาใหม่ ๆ อาทิ ปัญหาราคาบ้านที่พุ่งสูง ความปลอดภัยทางอาหาร ประกันสาธารณสุข สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และเรื่องพลังงานสะอาด เป็นต้น ซึ่งนโยบายเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในความสนใจลำดับต้น ๆ ของผู้นำเมื่อทศวรรษก่อนหน้านี้เลย
หู อี้ฝัน นักเศรษฐศาสตร์ด้านจีน แห่งบริษัทหลักทรัพย์ไห่ทง อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ด้วยพื้นความสามารถทางด้านเศรษฐกิจของหลี่ เชื่อว่าเขาจะมีความเข้าใจและสามารถสร้างระบบที่เป็นกลาง ใช้ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการอำนวยให้การเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจจีนเป็นไปอย่างราบรื่นได้ ซึ่งสิ่งนี้รัฐบาลที่ผ่านมายังทำไม่สำเร็จ
นายหลี่ ผู้ขึ้นมาแทนที่เวิน ในฐานะนายกคนใหม่แดนมังกร ได้กลายเป็นที่สนใจของบรรดานักข่าว โดยเฉพาะประเด็นผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัว นายเฉิง หลี่ได้ทำวิจัยพบว่า น้องชายหลี่ เค่อหมิง เป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของอุตสาหกรรมยาสูบ ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารบริษัทยาสูบผูกขาดสมบูรณ์ของรัฐบาลจีน นักข่าวสงสัยว่า แล้วเหตุไรเมื่อปี 2551 หลี่เขียนบทความรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ ตลอดจนวางกรอบโครงเรื่องอุตสาหกรรยาสูบของจีนใหม่
บราวน์เผยว่า จากประสบการณ์ในหลายมณฑลของหลี่ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาสามารถรับมือและเลี่ยงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถย้อนไปดูผลงานการช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วมที่เหอหนานภายใต้การจัดการของเขา
แม้ว่าหลี่จะเป็นดาวรุ่งทางการเมือง ทว่าเขาก็ไม่ได้รับเลือกให้ขึ้นแทนที่หู จิ่นเทาเมื่อครั้งการประชุมพรรคห้าปีก่อนหน้า เขาพ่ายแพ้ให้กับสี จิ้นผิง นักการเมืองลูกท่านหลานเธอภายใต้การดันของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน
ในการประชุมสภาพรรคฯ ครั้งที่ 14 นักข่าวและผู้สังเกตการณ์ต่างก็สงสัย เหตุใดหลี่ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่สุดของสันนิบาติเยาวชนไม่ได้รับเลือกให้นั่งตำแหน่งในคณะกรรมการกลางของพรรฯ
หลี่ให้สัมภาษณ์กับสื่อไห่หนาน ปั๋วเอ้าเอเชีย ว่า จีนหลังจากปฏิรูปเปิดประเทศมา 30 ปี ได้เข้ามาสู่จุดที่ต้องรับมือกับปัญหาที่สำคัญหลายประการอันเป็นผลกระทบจากการพัฒนา
อย่างไรก็ดี บราวน์เผยทิ้งท้ายว่า หลี่ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักปฏิรูปทางเศรษฐกิจและหัวเสรี แม้ว่าทัศนคติทางการเมืองและสังคมของเขาจะไม่ชัดเจนนักก็ตาม