เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สามเดือนหลังจากเกิดเหตุเด็กชายห้าคนเสียชีวิตในถังขยะที่มณฑลกุ้ยโจว ได้ช็อกสะท้านแผ่นดินจีนมาแล้ว ครั้งนี้เด็กชายอีกห้าคนก็ถูกคร่าชีวิตไปในเหตุการณ์คล้ายกันและในมณฑลเดิม
เด็กชายเหล่านี้มีอายุอยู่ในช่วง 4-6 ปี ได้เข้าไปเผาเศษหญ้าเศษฟางในโรงเก็บยาสูบเก่า ๆ ซินหวารายงานว่า ขณะเกิดเหตุผู้ปกครองของพวกเขาไม่อยู่ เนื่องจากออกไปเตรียมงานแต่งงานในหมู่บ้านเฉาหยังห่างออกไปไม่ไกล ในอำเภอหมาเจียง ขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านคนหนึ่งมาพบเข้าพอดี (19 ก.พ.) ซึ่งก็ช้าไปเสียแล้ว เด็กได้เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน ขณะที่อีกคนเสียชีวิตในระหว่างทางที่ส่งไปโรงพยาบาล
ในจำนวนทั้งหมด มีเด็กหนึ่งคนเป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าแม้ว ส่วนอีกสี่คนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยปู้อี
รัฐบาลมณฑลได้มอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวละ 22,000 หยวน และข้าวอีก 100 กก.
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เหตุการณ์เมื่อเดือนพ.ย. เด็กชายห้าคนวัย 9-13 ปี เสียชีวิตจากพิษคาร์บอนมอน็อกไซด์ ในเมืองปี้เจี๋ย พวกเขาปีนเข้าไปในถังขยะเหล็ก และจุดไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น พวกเขาเป็นเด็กที่มาจากสามครอบครัว และเริ่มเดินถนนร่อนเร่ด้วยกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์มาแล้ว
ผู้ปกครองของพวกเขาทำงานอยู่ในอีกเมืองหนึ่ง และยุ่งกับการทำงานมากจนไม่มีเวลาดูแลลูกตามสมควร
การเสียชีวิตดังกล่าวกลายเป็นความสนใจของคนทั่วแผ่นดินจีน ต่อประเด็นเด็กร่อนเร่บนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่แตกร้าว บ้างก็เป็นลูกของแรงงานอพยพ
บรรดาชาวเน็ตต่างกล่าวโทษว่า เป็นความล้มเหลวของตำวจ กระทรวงกิจการพลเรือน ตลอดจนสำนักงานการจัดการเมือง
ลู่ เสี่ยวชวน รองผู้อำนวยการศูนย์บริการให้คำปรึกษากฎหมายสตรีเป่ยจิงจงเจ๋อ เผยในสัปดาห์นี้ว่า เหตุโศกนาฏกรรมในหมาเจียงสะท้อนให้เห็นว่า รัฐต้องตระหนักอย่างเร่งด่วนที่จะดูแลประเด็นสิทธิเด็กและให้การคุ้มครองพวกเขา
ผู้ปกครองที่ไม่สามารถรับผิดชอบดูแลให้การพิทักษ์บุตรหลานได้ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น กฎหมายแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ได้เอาผิดแต่ประการใด ตรงนี้เป็นช่องว่างทางกฎหมาย กฎหมายคุ้มครองผู้เยาว์จีนบอกแค่ว่า ผู้ปกครองและผู้พิทักษ์ตามกฎหมายจะต้องแสดงความรับผิดชอบและให้การดูแลผู้เยาว์ แต่ก็เป็นเพียงการบัญญัติลอย ๆ ไร้มาตรการบังคับใช้ที่จริงจัง
ผู้ปกครองในเมืองอย่างฮ่องกงและสหรัฐฯ จะถูกลงโทษตามกฎหมายหากพบว่าปล่อยปละละเลยการดูแลเด็กน้อยให้อยู่เพียงลำพัง แต่บนแผ่นดินใหญ่ ผู้ปกครองมักจะถูกมองว่าเป็นเหยื่อและรัฐยังมอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าซับน้ำตาให้อีก ดังเช่นกรณีดังกล่าวในกุ้ยโจว
เด็กชายเหล่านี้มีอายุอยู่ในช่วง 4-6 ปี ได้เข้าไปเผาเศษหญ้าเศษฟางในโรงเก็บยาสูบเก่า ๆ ซินหวารายงานว่า ขณะเกิดเหตุผู้ปกครองของพวกเขาไม่อยู่ เนื่องจากออกไปเตรียมงานแต่งงานในหมู่บ้านเฉาหยังห่างออกไปไม่ไกล ในอำเภอหมาเจียง ขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านคนหนึ่งมาพบเข้าพอดี (19 ก.พ.) ซึ่งก็ช้าไปเสียแล้ว เด็กได้เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน ขณะที่อีกคนเสียชีวิตในระหว่างทางที่ส่งไปโรงพยาบาล
ในจำนวนทั้งหมด มีเด็กหนึ่งคนเป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าแม้ว ส่วนอีกสี่คนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยปู้อี
รัฐบาลมณฑลได้มอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวละ 22,000 หยวน และข้าวอีก 100 กก.
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เหตุการณ์เมื่อเดือนพ.ย. เด็กชายห้าคนวัย 9-13 ปี เสียชีวิตจากพิษคาร์บอนมอน็อกไซด์ ในเมืองปี้เจี๋ย พวกเขาปีนเข้าไปในถังขยะเหล็ก และจุดไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น พวกเขาเป็นเด็กที่มาจากสามครอบครัว และเริ่มเดินถนนร่อนเร่ด้วยกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์มาแล้ว
ผู้ปกครองของพวกเขาทำงานอยู่ในอีกเมืองหนึ่ง และยุ่งกับการทำงานมากจนไม่มีเวลาดูแลลูกตามสมควร
การเสียชีวิตดังกล่าวกลายเป็นความสนใจของคนทั่วแผ่นดินจีน ต่อประเด็นเด็กร่อนเร่บนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่แตกร้าว บ้างก็เป็นลูกของแรงงานอพยพ
บรรดาชาวเน็ตต่างกล่าวโทษว่า เป็นความล้มเหลวของตำวจ กระทรวงกิจการพลเรือน ตลอดจนสำนักงานการจัดการเมือง
ลู่ เสี่ยวชวน รองผู้อำนวยการศูนย์บริการให้คำปรึกษากฎหมายสตรีเป่ยจิงจงเจ๋อ เผยในสัปดาห์นี้ว่า เหตุโศกนาฏกรรมในหมาเจียงสะท้อนให้เห็นว่า รัฐต้องตระหนักอย่างเร่งด่วนที่จะดูแลประเด็นสิทธิเด็กและให้การคุ้มครองพวกเขา
ผู้ปกครองที่ไม่สามารถรับผิดชอบดูแลให้การพิทักษ์บุตรหลานได้ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น กฎหมายแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ได้เอาผิดแต่ประการใด ตรงนี้เป็นช่องว่างทางกฎหมาย กฎหมายคุ้มครองผู้เยาว์จีนบอกแค่ว่า ผู้ปกครองและผู้พิทักษ์ตามกฎหมายจะต้องแสดงความรับผิดชอบและให้การดูแลผู้เยาว์ แต่ก็เป็นเพียงการบัญญัติลอย ๆ ไร้มาตรการบังคับใช้ที่จริงจัง
ผู้ปกครองในเมืองอย่างฮ่องกงและสหรัฐฯ จะถูกลงโทษตามกฎหมายหากพบว่าปล่อยปละละเลยการดูแลเด็กน้อยให้อยู่เพียงลำพัง แต่บนแผ่นดินใหญ่ ผู้ปกครองมักจะถูกมองว่าเป็นเหยื่อและรัฐยังมอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าซับน้ำตาให้อีก ดังเช่นกรณีดังกล่าวในกุ้ยโจว